ขันธมาร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  9 พ.ค. 2566
หมายเลข  45874
อ่าน  73

ในคราวก่อนๆ ได้กล่าวถึงเรื่องของเทพบุตรมาร ซึ่งถึงแม้ว่าจะเกิดในสวรรค์เป็นผลของกุศล แต่เพราะสะสมกิเลส ความเห็นผิด ไม่ปรารถนาที่จะให้บุคคลอื่นเจริญก้าวหน้าในทางธรรม ก็ขัดขวางทุกทางที่จะเป็นไปได้

สำหรับวันนี้ขอพูดถึง ขันธมาร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเทพบุตรมาร ก็ไม่พ้นจากขันธ์ คือ นามธรรมและรูปธรรม ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์วิญญาณขันธ์ ถ้าไม่มีรูปขันธ์ ไม่มีเวทนาขันธ์ ไม่มีสัญญาขันธ์ ไม่มีสังขารขันธ์ ไม่มีวิญญาณขันธ์เกิดปรากฏตามเหตุปัจจัยแล้ว เทพบุตรมารจะมีได้ไหม ก็มีไม่ได้

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ย่อมจะเป็นเพียงสภาพปรมัตถธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ในครั้งโน้น เมื่อพระสาวกได้ประสบกับการขัดขวางของมาร ได้ไปเฝ้ากราบทูลพระผู้มีพระภาค พระองค์จึงทรงโอวาทให้ภิกษุนั้นรู้ชัดในสภาพของมารตามความเป็นจริง คือ ให้สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ในรูป ในเวทนาในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณตามความเป็นจริง

สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค มิคชาลวรรคที่ ๒ ... ปฐมสมิทธิสูตร ที่ ๓ มีข้อความว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระสมิทธิเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่ามาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรพระเจ้าข้าจึงเป็นมาร หรือการบัญญัติว่ามาร

แม้พระสาวกในครั้งนั้นก็มีความสงสัยในสภาพของมารว่า มารนั้นคืออะไรกันแน่ และมารนั้นได้แก่อะไรที่บัญญัติว่ามาร

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร สมิทธิ จักษุรูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

หู เสียง โสตวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยโสตวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

จมูก กลิ่น ฆานวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

ลิ้น รส ชิวหาวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหาวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

กาย โผฏฐัพพะ กายวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใดมารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

ใจ ธัมมารมณ์ มโนวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใดมารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น

ดูกร สมิทธิ จักษุรูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณไม่มี ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็ไม่มี ณ ที่นั้น

ข้อความซ้ำต่อไปจนถึง

ใจ ธัมมารมณ์ มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณไม่มี ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามาร ก็ไม่มี ณ ที่นั้น

จบสูตรที่ ๓

ถ้าเป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว จะไม่ทรงเว้นทางหนึ่งทางใดเลย ตั้งแต่ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แม้ข้อความจะซ้ำ แต่ทำไมพระผู้มีพระภาคไม่ทรงเว้น เพื่อประโยชน์อะไร ก็เพื่อความชัดแจ้ง และเพื่อให้รู้ว่า การที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้น ต้องรู้ทั่ว ไม่ว่าจะเป็นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ ไม่ใช่ว่าจะเว้นไม่รู้ทางหนึ่งทางใดแล้วไปรู้แต่เฉพาะบางนามหรือบางรูป และเข้าใจว่าหมดกิเลสแล้ว โดยที่ไม่ได้รู้สภาพธรรมทั่ว ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

ลองสังเกตจากการอบรมเจริญปัญญาว่า สติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทางไหนบ้าง และทางไหนยังน้อยมาก ทางไหนบ่อยๆ เนืองๆ และกิเลสหมดไปบ้างหรือยัง หรือว่ายังอยู่อีกมากเหลือเกิน เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่าการที่จะละกิเลสได้ ไม่ใช่เพียงรู้จากการฟัง หรือเพียงการที่สติระลึกเล็กๆ น้อยๆ แต่จะต้องอบรมจนกระทั่งเป็นปัญญาที่สามารถจะประจักษ์ในลักษณะที่ไม่ใช่อัตตาของนามธรรมและรูปธรรม

ขณะนี้กำลังเห็น พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องการเห็น ขณะนี้กำลังได้ยิน พระผู้มีพระภาคตรัสเพื่อให้สติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม และจะได้รู้ว่า สภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นบุคคล เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นมารใดๆ ทั้งสิ้นนั้น ก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดแล้วปรากฏเท่านั้นเอง ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 298

รับฟัง ...

ปฐมสมิทธิสูตร


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ