ทรงแสดงสติปัฏฐาน ๔ แก่ท่านพระอานนท์
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ... ภิกขุนีสูตร มีข้อความว่า
ที่เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นเวลาเช้า ท่านพระอานนท์เข้าไปยังสำนักของภิกษุณีแห่งหนึ่ง แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ ครั้งนั้นภิกษุณีมากรูปเข้าไปหาท่านพระอานนท์ ไหว้ท่านพระอานนท์ แล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วจึงพูดขึ้นว่า
ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ ภิกษุณีมากรูปในธรรมวินัยนี้ มีจิตตั้งมั่นดีแล้วใน สติปัฏฐาน ๔ ย่อมรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน
ท่านพระอานนท์ตอบว่า
น้องหญิง ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง มีจิตตั้งมั่นแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นพึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ ยังภิกษุณีเหล่านั้นให้เห็นชัด ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป ครั้นแล้วท่านพระอานนท์ก็เที่ยวไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ในเวลาปัจฉาภัตร กลับจากบิณฑบาต เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลการสนทนากับภิกษุณีในตอนเช้าให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร อานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่งมีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นพึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน
สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน
แล้วพระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงแสดงสติปัฏฐาน ๔ แก่ท่านพระอานนท์ ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 74
คำว่า จิตตั้งมั่นแล้วในสติปัฏฐาน ๔ หมายความว่า ไม่เห็นผิด ไม่ดำริผิด ไม่เข้าใจผิดในการเจริญสติปัฏฐานจึงจะชื่อว่าเป็นผู้ที่ตั้งมั่นในสติปัฏฐาน ๔
ท่านผู้ฟังตั้งมั่นในสติปัฏฐาน ๔ แล้วหรือยัง ไม่เข้าใจผิด ไม่ดำริผิด ไม่เห็นผิดในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นที่หวังได้ว่า จักรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน
ท่านผู้ฟังที่สนใจในธรรม อยากจะมีจักษุทิพย์ โสตทิพย์ อยากจะเห็นอะไรๆ ที่คนอื่นไม่เห็น อยากจะได้ยินเสียงอะไรที่คนอื่นไม่ได้ยิน อยากจะระลึกชาติได้ หรืออยากรู้กาลอนาคตข้างหน้า หรืออยากรักษาโรค หรืออยากจะทำอะไรที่เป็นคุณวิเศษบ้างไหม
ตอบ อยากครับ
สุ. ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน คุณวิเศษที่ยังไม่ได้เจริญสติปัฏฐานก็อาจเป็นไปในความสงบ ในอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ แต่ไม่ใช่คุณวิเศษที่รู้จักตนเองอย่างถูกต้อง เพราะการเจริญสติปัฏฐาน การที่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปนั้น ไม่ใช่ที่อื่น แต่ที่ตนเอง
ใครกำลังเห็น ใครกำลังได้ยิน ใครกำลังเป็นสุข ใครกำลังเป็นทุกข์ ใครกำลังริษยา ใครกำลังมีมานะ ใครกำลังมีมัจฉริยะ ทั้งหมดที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น สติระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปนั้นๆ ตามความเป็นจริงมากขึ้น ชัดขึ้น ถูกต้องขึ้น เป็นคุณวิเศษที่ไม่เคยมีในกาลก่อน คือ คุณวิเศษที่รู้จักตนเองอย่างถูกต้องชัดเจน ไม่หลงเข้าใจผิด ไม่หลงยึดถือว่าเป็นตัวตน นี่ดีกว่าตาทิพย์หูทิพย์ไหม
นี่เป็นความหมายของพยัญชนะนั้น และสำหรับการเจริญสติปัฏฐานก็เป็นปกติจริงๆ เพราะแต่ละคนมีนามมีรูปที่ได้สะสมมาในลักษณะต่างๆ กันที่สติจะต้องระลึกรู้จนกระทั่งละคลาย เพราะเหตุว่าพิจารณามากขึ้น รู้มากขึ้น ละเอียดขึ้น ทั่วขึ้น จึงจะละคลายการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้จริงๆ รู้เล็กน้อยละไม่ได้ คลายไม่ได้ ต้องรู้ชัดเจนถูกต้องทั้ง ๖ โลก แยกออกได้ แทงตลอดจริงๆ จึงจะละการยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล
ไม่สำคัญว่าจะเป็นเพศบรรพชิต หรือว่าจะเป็นฆราวาส จะอยู่ ณ สถานที่ใด เมื่อเป็นผู้ที่ไม่ประมาท สติก็เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปในขณะนั้น โดยที่คนอื่นไม่สามารถรู้ได้ว่า ขณะนี้สติของผู้ใดกำลังระลึกรู้นามหรือรูปอะไรที่เกิดกับตนในขณะนั้นตามความเป็นจริง เป็นชีวิตปกติจริงๆ ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 75
เปิดฟัง ... ภิกขุนีสูตร

