ตายก่อนคลอด

 
หมาย
วันที่  12 ส.ค. 2550
หมายเลข  4519
อ่าน  1,886

การที่มีจิตปฏิสนธิในครรภ์มารดาแล้วเป็นเวลาประมาณ ๗ สัปดาห์ ต่อมาระยะหนึ่งหมอตรวจไม่พบการเต้นของหัวใจของทารกนั้น และคำวินิจฉัยว่าทารกนั้นได้ฝ่อไปแล้วจึงนำทารกออกจากครรภ์มารดาตามกรรมวิธีทางการแพทย์ เพราะจะอันตรายต่อแม่ ผมอยากเรียนถามว่า

๑. การที่ปฏิสนธิจิตเกิดแล้วในครรภ์มารดา จุติจิตจะเกิดอีกและจะปฏิสนธิอีกในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดานั้น จะเป็นไปอย่างไร ทั้งที่ในขณะนั้นจิตเป็นภวังค์ (อาจเป็นมโนวิญญาณวิถีได้หรือไม่ๆ มั่นใจครับ) คือ จุติจิตจะรับอารมณ์ใด มรณสันณวิถีตอนนั้นจะเป็นอย่างไร

๒. เพราะเหตุใด เพราะกรรมอะไร หรือเป็นเพราะอกุศลกุศลใด จึงต้องเป็นอย่างนั้น

ด้วยความเคารพ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 12 ส.ค. 2550

การเกิดขึ้นในครรถ์มารดาครั้งแรกเรียกว่าปฏิสนธิจิต หลังจากปฏิสนธิจิตดับไปแล้วจิตประเภทอื่นๆ ย่อมเกิดขึ้นตามสมควรคือ นอกจากภวังคจิตเกิดแล้ววิถีจิตทางมโนทวารวิถี และกายทวารวิถีในระยะต่อมาก็เกิดขึ้นได้ ในระหว่างที่สัตว์อยู่ในครรถ์นั้นมีอันตรายที่เกิดจากการไม่ระมัดระวังของมารดา โดยการดื่มน้ำร้อนมากๆ ดื่มน้ำเย็นมากๆ หรือการกระทบกระเทือนของครรถ์ทำให้สัตว์ที่อาศัยครรถ์นั้นตายได้ การตายนั้นเรียกว่าจุติจิต มรณสันนวิถีย่อมมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามสมควรแก่กรรมที่ตนเคยกระทำมาในอดีต เพราะผลของอกุศลกรรมจึงทำให้สัตว์นั้นอายุสั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 12 ส.ค. 2550

ผลของการฆ่าสัตว์ทำให้ไปอบายภูมิ หลังจากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์วิบากอย่างเบาทำ ให้อายุสั้นตายตั้งแต่อยู่ในภรรค์ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล เพราะชีวิตเป็นของน้อย อยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ตายแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 12 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 12 ส.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

๑. เมื่อปฏิสนธิเกิดขึ้น จิตขณะต่อไปต้องเป็นภวังคจิต หลังจากภวังคจิตแล้ว ก็แล้วแต่ว่าจิตประเภทอะไรจะเกิดต่อ เป็นไปตามเหตุปัจจัย จากคำถามว่า เมื่ออยู่ในครรภ์ ปฏิสนธิจิตกั จุติจิตเกิดได้ เมื่ออยู่ในครรภ์ได้อย่างไรนั้น ถ้าเราไม่คิดนึกเป็นเรื่องราว (มีเด็กอยู่ในครรภ์) แต่เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม เป็นวิถีจิตที่สืบต่อกันไป คือ ปฏิสนธิจิตเกิดแล้วก็เป็นภวังคจิต แล้วก็จิตอื่นๆ และก็สามารถมีจุติเกิดได้ด้วย เพราะความตายนั้นหรือจุติจิตเกิดนั้น ไม่เลือกว่าอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ เป็นไปตามเหตุปัจจัย และก็เป็นเพียงวิถีจิตที่สืบต่อกันเท่านั้น ไม่มีใครอยู่ในไหนเลยครับ ส่วนชวนจิตสุดท้ายใกล้จะตาย ก็แล้วแต่ว่าจิตนั้นมีอารมณ์อะไร แล้วแต่กรรมของบุคคลนั้นครับ

๒. ต้องเป็นอกุศลกรรมแน่นอน โดยทั่วไปแสดงไว้คือ การฆ่าสัตว์ครับ ด้วยเศษกรรมเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมอายุสั้นครับ ตายแม้อยู่ในครรภ์

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
หมาย
วันที่ 13 ส.ค. 2550

ขอถามต่อนะครับว่า เป็นอกุศลกรรม หรือกุศลกรรมของมารดาบิดาด้วยหรือไม่ครับที่ทำให้ต้องได้รับความเจ็บปวด ต้องประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจอย่างนี้ ทั้งๆ ที่บางคนก็ไม่มีปัญหาด้านนี้เลย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ส.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

โดยนัยอภิธรรมแล้วนั้น ขณะที่เจ็บปวดขณะนั้นต้องเป็นอกุศลวิบาก (ทุกขกายวิญญาณ) ดังนั้นจึงเกิดจากการทำอกุศลกรรมที่ไม่ดีมา จึงให้วิบากที่ไม่ดี ทางกายคือ เจ็บปวด ครับ และเรามาลองพิจารณาคำว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เรารักอะไรจริงๆ แล้ว ความรู้สึกที่เป็นสุขใช่ไหม ขณะที่พลัดพรากจากความรู้สึกที่เป็นสุข เปลี่ยนเป็นทุกข์ ขณะนั้นก็ชื่อว่าพลัดพรากจากสิ่งที่รักแล้ว ดังนั้น ถ้าเราคิดโดยนัยอภิธรรม ไม่เป็นเรื่องราว เช่น ลูกตายในครรภ์ แม่เสียลูกแล้ว ถ้าคิดโดยนัยอภิธรรม ทุกคนก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดา เพาะธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดขึ้นและก็ดับไป และในสังสารวัฏ เราก็พลัดพรากจากสิ่งที่รักมากันทั้งนั้น ไม่ใช่ไม่เคยพลัดพรากแบบ ลูกตายในครรภ์ครับ ดังนั้น ทุกคนก็เคยมีปัญหานี้มาแล้วในสังสารวัฏ และก็จะมีต่อไป ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ขอให้ฟังแนวทางนี้ไปเรื่อยๆ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ส.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย เราจะต้องมีความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดา

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ หน้าที่ 140
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษคฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความพอใจ ความรักใคร่ในของรักมีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกายวาจา ใจ เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนืองๆ ย่อมละความพอใจ ความรักใคร่นั้นได้โดยสิ้นเชิงหรือทำให้เบาบางลงได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล สตรี บุรุษ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น.

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
หมาย
วันที่ 14 ส.ค. 2550

ขอบพระคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 15 ส.ค. 2550
แม้แต่ตัวเอง (ที่รักที่สุด) ก็ยังต้องพลัดพราก.
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พ่อน้องโอม
วันที่ 17 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาบุญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 16 ส.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ