ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงจิตนิยามได้
ถ. ที่ทรงแสดงไว้นี่เป็นจิตนิยาม พระพุทธเจ้าจะกี่พระองค์ก็ต้องแสดง จิตนิยามอย่างที่อาจารย์แสดงเมื่อกี้ทั้งนั้นเลย ใช่ไหม
สุ. สภาพความจริงเป็นอย่างไรเปลี่ยนไม่ได้ จะบอกว่า พระพุทธเจ้าพระองค์นี้บอกว่า ปัญจทวาราวัชชนจิตไม่มี จักขุวิญญาณเกิดเลยทันที ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ถ. ถึงแม้จะมีผู้รู้น้อยแค่ไหนก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าก็ยืนยันอย่างนี้
สุ. ถ้ารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ต้องเข้าใจเรื่องจิตนิยาม ซึ่งไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ถ. และไม่มีผู้ใดแสดงได้ นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
สุ. ถูกต้อง คิดดู ภวังคจิตเป็นผลของกรรม กรรมเดียวกับของปฏิสนธิ ยังไม่ได้รับผลของกรรมทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งอาจจะเป็นผลของกรรมเดียวกับที่ทำให้ปฏิสนธิ หรือผลของกรรมอื่นก็ได้ ใช่ไหม เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังเป็น กระแสภวังค์ ภวังค์เกิดดับๆ นับไม่ถ้วน เหมือนกับกระแสน้ำที่กำลังไหลใครจะนับได้ จะนับอณูของกระแสน้ำที่ไหลย่อมไม่ได้ฉันใด ก็ไม่มีทางที่จะนับกระแสของภวังคจิต ซึ่งเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วมาก
เพราะฉะนั้น การที่จะเปลี่ยนกระแสของภวังค์จากการรับผลของกรรมที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดเป็นการรับผลของกรรมอื่น จะให้มีวิบากจิตเกิดแทรกคั่นต่อกันทันที เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จะต้องมีอารมณ์ที่กระทบปสาท และกิริยาจิตซึ่งเป็นวิถีแรก คืออาวัชชนจิตต้องเกิดก่อน ต่อจากนั้นผลของกรรมจึงเกิดได้ โดยวิบากจิตเกิดขึ้น รู้อารมณ์นั้นที่กระทบกับปสาทรูป
ผู้ฟัง ฟังเรื่องจิตนิยามแล้ว เหมือนกับท้อแท้ใจ ยากเหลือกำลัง แต่ฟังเรื่องธรรมนิยามแล้ว ทำให้ไม่ท้อแท้ เพราะพระพุทธเจ้าต้องมาตรัสรู้ มาแสดงธรรมอีก เป็นไปตามธรรมนิยาม ก็เลยไม่ต้องท้อ
สุ. ถ้าพูดถึงเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงและกำลังปรากฏให้รู้ ไม่น่าท้อ ใช่ไหม ไม่ต้องไปแสวงหาเลย กำลังมีให้พิสูจน์ ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายให้เดือดร้อนด้วย เพียงแต่สติระลึกได้ตามที่ได้ยินได้ฟังว่า สภาพธรรมเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนอย่างนี้ เป็นอนัตตาอย่างนี้ๆ และค่อยๆ พิจารณาลักษณะของสภาพธรรม โดยไม่กังวลว่าจะต้องไปรู้จิตประเภทไหน ขณะไหน เพียงแต่ให้รู้ว่า นามธรรมไม่ใช่รูปธรรมก่อน ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1520
รับฟัง ...

