ถ้ามีการอยากละ แสดงว่าไม่เข้าใจธรรม

 
เมตตา
วันที่  15 ต.ค. 2565
หมายเลข  44699
อ่าน  248

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะฝเต้าพระองค์นั้น

ทุกคำของพระองค์ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้ ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งต่างๆ ที่เคยยึดถือไว้ จึงต้องรู้ว่าสภาพธรรมนั้นมีจริงๆ อย่างไร และอยู่ที่ไหน จึงจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนั้นเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา ค่อยๆ ฟังค่อยๆ สะสมความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ตามความเป็นจริงท่ามกลางอกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมากมาย โดยเฉพาะโลภ ความอยาก เพียงหลังเห็น สามขณะจิตดับไป ความติดข้องก็เกิดแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้เลย เพราะธรรมเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย มีหนทางเดียว คือ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ว่า เป็นธรรม ไม่ว่าอะไรจะปรากฏเกิดขึ้น แม้ความอยากเกิดก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ค่อยๆ อบรมสะสมความเข้าใจไป จนกว่าทุกอย่างเป็นเพียงธรรม ถ้าอยากจะละโลภ โทสะ โดยไม่รู้ว่าธรรมขณะนี้มีลักษณะอย่างไร อยู่ที่ไหน ก็แสดงว่ายังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เข้าใจธรรมที่ลึกซึ้งตามที่พระองค์ทรงแสดง

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 119

ข้อความบางตอนจาก โพธิราชกุมารสูตร

ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้เป็นธรรมลึก ยากที่จะเห็นได้ สัตว์อื่นจะตรัสรู้

ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบระงับ ประณีต ไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงได้ด้วย

ความตรึก เป็นธรรมละเอียด อันบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง.

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

เป็นทาสของความอยาก

จอเชิญคลิกฟังได้ที่ ...

ปุถุชนตื่นขึ้นมาก็อยากแล้ว

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตตาด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ปทุม
วันที่ 16 ต.ค. 2565

สาธุๆ ๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ