การเคารพธรรมและหนักในธรรมของท่านพระสารีบุตร

 
chatchai.k
วันที่  30 ก.ย. 2565
หมายเลข  44441
อ่าน  106

สำหรับการเคารพธรรมและหนักในธรรมนั้น ขอยกเรื่องของท่านพระสารีบุตรอีกเรื่องหนึ่งเพื่อให้เห็นข้อประพฤติปฏิบัติของท่าน ซึ่งเป็นอัครสาวกของพระผู้มีพระภาค และท่านผู้ฟังจะได้พิจารณาถึงข้อประพฤติปฏิบัติของภิกษุในครั้งนั้นว่า การเจริญสติปัฏฐานนั้นเป็นปกติอย่างไร

ท่านพระสารีบุตรนั้น ท่านบิณฑบาตสาย ที่ท่านพระสารีบุตรบิณฑบาตสาย ก็เพราะเหตุว่า ท่านจัดแจงดูแลความเรียบร้อยในวัดเสียก่อน ปัญหาก็มีอีกว่าทำไมท่านถึงทำอย่างนั้น ก็เพราะท่านเห็นว่า ถ้าพวกเดียรถีย์เข้ามาตอนนั้นก็จะเห็นความไม่เรียบร้อย นอกจากนั้น ท่านยังไปเยี่ยมคนไข้ ปลอบใจภิกษุไข้ ที่ท่านพระสารีบุตรไปเยี่ยมภิกษุไข้นั้นก็เพื่อจะถามว่า ภิกษุไข้ต้องการอะไรบ้าง เมื่อท่านทราบท่าน ก็พาภิกษุหนุ่มหรือสามเณรของภิกษุซึ่งเป็นผู้ป่วยนั้นไปแสวงหาเภสัช คือ ไปแสวงหายา ด้วยการขอในสถานที่ที่ชอบพอกัน แล้วก็มอบให้ภิกษุหรือสามเณรของภิกษุป่วยไป แล้วท่านก็สั่งว่า ธรรมดาการบำรุงภิกษุไข้ พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญ เพราะฉะนั้น จงไปเถิด อย่าประมาทเลย

ชีวิตปกติของสามเณรหรือภิกษุหนุ่มซึ่งจะพยาบาลภิกษุไข้ก็เป็นปกติ ธรรมดา แต่ต้องไม่ประมาทในการเจริญกุศล คือ ในการเจริญสติด้วย

เมื่อท่านพระสารีบุตรได้มอบเภสัชแก่ภิกษุหนุ่มและสามเณรของภิกษุผู้ป่วยไปแล้ว ตัวท่านเองก็เที่ยวบิณฑบาต แล้วก็ได้ทำภัตตกิจในตระกูลอุปัฏฐาก แล้วกลับวัด นี่เป็นอาจิณวัตรในที่ที่ท่านอยู่ประจำ

ชีวิตปกติประจำวันของท่านนั้นเป็นไปเพื่อธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งสิ้น

แต่เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จสู่ที่จาริก ท่านก็ไม่ได้คิดว่า เราเป็นอัครสาวก ท่านไม่ได้สวมรองเท้ากั้นร่มเดินไปข้างหน้า (คือ ไปล่วงหน้าพระผู้มีพระภาค) ท่านไปข้างหลัง ติดตามพระผู้มีพระภาคไปในวันนั้น หรือในวันถัดไป เพราะเหตุว่าท่านคอยดูแลภิกษุทั้งหลายให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ที่อาพาธ ผู้มีอายุสูง หรือว่าเป็นสามเณรน้อย ท่านก็ดูแลให้ทาน้ำมัน หรือนวดเท้าตรงที่เจ็บปวดเสียก่อน

ในวันหนึ่งท่านพระสารีบุตรนี้เองไม่ได้เสนาสนะ เพราะมาถึงช้าเกินไป ท่านก็ได้นั่งใต้ที่ขึงด้วยจีวร พระผู้มีพระภาคทอดพระเนตรเห็น วันรุ่งขึ้นก็รับสั่งให้ประชุมสงฆ์ ตรัสเรื่องช้าง ลิง นกกะทา ซึ่งเรื่องนี้ก็มีสัตว์ ๓ สหาย ซึ่งเมื่ออยู่ด้วยกันนานเข้า ก็ไม่ทราบว่าควรจะเคารพใคร ใครควรจะเคารพใคร จึงได้ถามถึงวัยหรืออาวุโสของกันและกัน แล้วพระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงบัญญัติสิกขาบทว่า

ภิกษุพึงให้เสนาสนะตามลำดับอาวุโส คือ ความเป็นผู้ใหญ่

นี่เป็นเรื่องชีวิตปกติธรรมดา จะเห็นการเสด็จจาริก จะเห็นชีวิตของพระภิกษุ หรือสาเหตุที่ท่านพระสารีบุตรไม่ได้เสนาสนะ

ท่านพระสารีบุตรนี้ย่อมอนุเคราะห์ด้วยอามิสอย่างนี้ก่อน แต่ว่าเมื่อท่านให้โอวาท ย่อมให้โอวาทตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง จนกระทั่งผู้นั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลที่นั้นแล้ว ก็ละคนนั้นเสีย แล้วก็สอนผู้อื่นต่อไป

แสดงให้เห็นว่า การบรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยสงฆ์ เป็นพระอริยสาวกนั้นต้องฟังนาน ฟังมาก ปฏิบัตินาน ปฏิบัติมาก

ถึงแม้ท่านพระสารีบุตรให้โอวาท ก็ย่อมให้โอวาทผู้นั้นตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง จนกว่าผู้นั้นจะตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วท่านก็ละผู้นั้นเสีย สอนผู้อื่นต่อไป

ผู้ที่ตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน ซึ่งกล่าวสอนอยู่โดยนัยนี้ บรรลุอรหัตต์ไปแล้วนับไม่ถ้วน ท่านอนุเคราะห์ด้วยธรรม ด้วยอาการอย่างนี้

นี่เป็นเรื่องของในครั้งโน้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพระผู้มีพระภาคก็ทรงเคารพธรรม พระอัครสาวกก็เป็นผู้ที่หนักในธรรม บำเพ็ญประโยชน์แก่ธรรม


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 140


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ