ละคลายความไม่ดีที่มีในใจของตนเอง

 
khampan.a
วันที่  29 มิ.ย. 2565
หมายเลข  43292
อ่าน  650

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๗๓๒]

ละคลายความไม่ดีที่มีในใจของตนเอง


พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มีทั้งหมด ๓ ปิฎก ถ้าไม่เห็นประโยชน์จะไม่ทรงแสดง คำตรัสของพระผู้มีพระภาค ถ้าคำนั้นเป็นคำจริง ไพเราะ แต่ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ตรัส ถ้าคำนั้นเป็นคำที่ไพเราะ จริงและมีประโยชน์ จึงตรัส เพราะฉะนั้นคำใดที่ไม่จริง เป็นอันว่าไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าถ้าเป็นคำจริงแม้ว่าไม่ไพเราะ แต่ว่ามีประโยชน์ก็ยังตรัส

เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ทั้ง ๓ ปิฎก แสดงให้เห็นคุณค่าว่า เพราะเหตุว่าจึงทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรมถึง ๔๕ พรรษา อย่างละเอียด ซึ่งพระวินัยก็เป็นเรื่องของบรรพชิตส่วนใหญ่ที่เป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสมากกว่าคฤหัสถ์ ส่วนพระสูตรก็เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่ทรงแสดงกับบุคคลต่างๆ เป็นเครื่องประกอบให้รู้ว่า พระธรรมเทศนาแล้วแต่อัธยาศัยของบุคคลว่า เมื่อบุคคลสะสมมาที่จะได้ฟังพระธรรมข้อนี้ เขาสะสมมาที่จะเข้าใจ ก็ทรงแสดงตามอัธยาศัยสำหรับเฉพาะแต่ละบุคคล

สำหรับอีกส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก คือ พระอภิธรรม อภิ หมายความถึงละเอียดยิ่ง เพื่อที่จะอนุเคราะห์คนที่ฟังสั้นๆ ปัญญาก็ไม่เกิด ไม่เหมือนกับว่า พอกำลังฟังอยู่ พอจบเทศนาก็เป็นพระโสดาบันหรือเป็นพระอรหันต์ อย่างท่านพระสารีบุตรก็ฟังท่านพระอัสสชิเพียงย่อๆ คาถาสั้นๆ ท่านก็เป็นพระโสดาบัน เพราะว่าท่านเป็นพระอัครสาวก เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องพูดถึงวัน กับเดือนที่เรามีโอกาสได้ฟังพระธรรม แต่ว่าผู้ที่ฟังมาเป็นกัปป์ๆ ก็ลองคิดดูว่า ขณะนี้พระอภิธรรมที่แสดงธรรมโดยละเอียด เรื่องของจิตแต่ละชนิด ให้เห็นว่าไม่ใช่จิตขณะเดียวในวันหนึ่งๆ จะต้องมีจิตเกิดดับหลายประเภท หลายชนิด และถ้าไม่ประจักษ์แจ้งว่าจิตเกิดดับ จะทรงแสดงอย่างนี้ได้หรือ ว่าขณะนี้นามธรรมคือจิตกำลังเกิดดับอยู่ทุกขณะ แล้วจิตขณะหนึ่งจะประกอบด้วยเจตสิกกี่ประเภท อะไรบ้าง ถ้าไม่ประจักษ์แจ้งแทงตลอดจริงๆ ก็ทรงแสดงไม่ได้

เพราะฉะนั้น เหตุที่ทรงแสดงเรื่องจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) ก็ดี เรื่องเจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) ก็ดี เรื่องรูป ก็ดี โดยละเอียดยิบที่สุด ที่บุคคลอื่นไม่สามารถจะแสดงได้ ก็เพื่ออนุเคราะห์ให้คนฟังเห็นความจริงว่า เป็นอนัตตา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป แม้ว่ายังไม่ประจักษ์ แต่อาศัยการฟัง ก็ทำให้เพิ่มสติปัญญาค่อยๆ รู้ว่า พระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าคืออย่างไร พระมหากรุณาคุณคืออย่างไร

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องวันสองวัน หรือไม่ใช่เรื่องที่จะข้ามความละเอียดไป แต่ว่าจะต้องเข้าใจจริงๆ โดยการฟังมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าศึกษา เพราะว่าจิตใจก็อยู่ที่เรา เจตสิกต่างๆ โลภะ โทสะ โมหะก็อยู่ที่เรา แล้วทำไมเราไม่รู้ ทำไมเราไม่ควรจะรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ แต่ว่าจะข้ามไปรู้สิ่งอื่น ซึ่งไม่มีประโยชน์เท่ากับรู้จักตัวเอง เพราะเหตุว่า ผู้ที่จะประพฤติธรรม ต้องเห็นโทษของกิเลส จะต้องเป็นคนรู้ว่าตัวเองยังไม่ดี เพื่อที่จะได้ละคลายความไม่ดีนั้น แล้วก็เพิ่มความดีขึ้น แต่ถ้าใครคิดว่าดีมากแล้ว คนนั้นจะไม่ต้องฟังพระธรรมเลย เพราะเหตุว่าดีแล้ว แต่ผู้ที่รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่า ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ผู้นั้นก็มีโอกาสที่จะเจริญกุศลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 29 มิ.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 1 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เข้าใจ
วันที่ 2 ส.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง และ ขอน้อมกราบอนุโมทนาในคุณเมตตาธรรมของท่าน สาธุ สาธุ สาธุ

ขอกราบขอบพระคุณ และ กราบอนุโมทนากับอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยด้วยครับ ที่นำคำแสดงธรรมะดีดีที่ประทับใจและเก็บไว้ในหฤทัยด้วยดียิ่งครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
piew
วันที่ 29 พ.ย. 2565

กราบขอบพระคุณมากค่ะ ที่ให้ความรู้ความเข้าใจที่กระจ่างขึ้นนะคะ เพราะทั่วไปแล้วมีหลายคนคิดว่า การศึกษาพระสูตรอ่านง่าย เข้าใจง่าย ทำตามได้ง่าย เช่น คำว่า เห็นสักแต่ว่าเห็น ทั้งที่ไม่ได้รู้ลึกซึ้งอะไรเพราะไม่มีปัญญาเท่าท่านพระพาหิยะ ทั้งยังคิดว่า พระอภิธรรม ยากมาก คำยาก ต้องเรียนเป็นเรื่องเป็นราว เสียเวลา

จึงขออนุโมทนา ท่านอาจารย์ และคณาจารย์มศพ. ที่ได้มีจิตเผยแพร่ ความถูกต้องในพระสัทธรรมให้ทราบค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ