อะไรเป็นอนัตตา?

 
บ้านธัมมะ
วันที่  31 ม.ค. 2565
หมายเลข  41989
อ่าน  673

什麼是無我 (anatta) ?

อะไรเป็นอนัตตา?


問:“思心所”(chanda)“欲心所”(chanda) “邪見心所”(ditthi) 都是因緣生起的,那麼它生起的那一刻,它本身也是無我 (anatta) 的是嗎?

ผู้ถาม: เจตนาเจตสิก ฉันทเจตสิก ทิฏฐิเจตสิก เกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าเช่นนั้นขณะที่เจตสิกเหล่านี้เกิดขึ้น เจตสิกแต่ละประเภทก็เป็นอนัตตาใช่ไหม?

Ajhan Sujin:諸法無我,所有一切的法不論是 “心” (jitta) “心所”(cetasika)“色”(rupa)“涅槃”(Nibbana)全部都是沒有人、沒有東西、非我 “無我” (anatta) 。

อ.สุจินต์: สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมะทั้งหมดคือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ทั้งหมดทั้งมวลคือ ไม่เป็นใคร ไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็น อนัตตา

問:“邪見心所”(ditthi)它本身是 “無我”(anatta),會帶來危險。

ผู้ถาม: ทิฏฐิเจตสิก ก็เป็นอนัตตา เป็นสภาพธรรมที่นำโทษมาให้มาก

Ajhan Sujin: 那什麼是善的?善是真的嗎?

อ.สุจินต์: แล้วอะไรคือกุศล? กุศลเป็นสิ่งที่มีจริงไหม?

問:是真的。

ผู้ถาม: เป็นสิ่งที่มีจริง

Ajhan Sujin:有誰能讓善生起嗎?

อ.สุจินต์: มีใครสามารถที่จะทำให้กุศลเกิดได้ไหม?

問:沒有

ผู้ถาม: ไม่มี

Ajhan Sujin:任何人都不能讓法生起,這就是 “無我”(anatta)的意義,不管是善法、不善法、當沒有智慧能夠瞭解什麼是真的時候,這也是真的。 當智慧可以瞭解真相的時候,都是因緣生起的,不是誰要它生起的。

อ.สุจินต์: ใครก็ไม่สามารถที่จะทำให้ธรรมะเกิดขึ้นได้ นี่เป็นความหมายของคำว่า "อนัตตา" ไม่มีเรา ไม่ว่าจะเป็นกุศลธรรมหรืออกุศลธรรม ในขณะที่ยังไม่มีปัญญาเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่มีจริง นั่นก็เป็นความจริง ขณะที่ปัญญาสามารถเข้าใจความจริงนั้น ทั้งหมดเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ใครทำให้เกิดขึ้น

當我們在討論、在講話、在思考、的時候,是不 是還是有在看嗎? 我們以為我們在講話、在聽、在看、在想事情的時候,但是不瞭解其實 “在看” 的那一刻不可能是在聽、在想。 開始去瞭解在那裡的 “眼識” 它不能是別的。 這就是開始去瞭解的真相,沒有誰能創造出 “眼識”,沒有誰能支配讓它生起。 倘若沒有眼睛(眼淨色)沒有色塵光線(所緣)“眼識” 有條件生起嗎? 什麼是眼睛?有誰能支配讓眼睛生起嗎? 這就是 “無我”(anatta)的意思。

ในขณะที่เรากำลังสนทนา กำลังพูดคุย กำลังครุ่นคิด ขณะนั้นก็ยังมีเห็นด้วยใช่ไหม? เราเข้าใจว่าเรากำลังพูด กำลังฟัง กำลังเห็น กำลังคิดนึก แต่ไม่ได้เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วในขณะที่กำลังเห็น ขณะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินหรือคิดนึก เริ่มที่จะเข้าใจสิ่งที่อยู่ที่นั่น คือจิตเห็นที่ไม่อาจเป็นอย่างอื่นไปได้ นี่คือการเริ่มเข้าใจความจริงของจิตเห็น ว่าไม่มีใครสามารถทำขึ้นมาได้ ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ ถ้าไม่มีตา (จักขุปสาทรูป) ไม่มีสีหรือแสง (รูปารมณ์) จะมีเหตุปัจจัยให้จิตเห็นเกิดขึ้นได้ไหม? อะไรคือตา? มีใครสามารถที่จะไปทำให้จิตเห็นเกิดได้ไหม? นี่คือความหมายของคำว่า "ไม่มีเรา อนัตตา"

現在這一刻正在看見,是你在看嗎?剛才看見的也過去了,聽見是誰在聽見,是你嗎?也是過去了,如果不是你在看的話那會是誰在看? 那是一種類型的法,它生起就是要去經驗一個對象沒有誰可以改變這個事實。 因為法生起滅去這個真相並沒有真正的顯現出來,所以就會有這個概念是我在聽、我在看、我 在想,那真相是什麼? 真相就是那個去經驗的狀態,它並沒有一個形狀形體。 這個真相有誰能改變嗎?這就是 “無我”(anatta)的意義。

ขณะนี้กำลังเห็น เป็นคุณที่กำลังเห็นหรือเปล่า? เห็นเมื่อกี้ผ่านไปแล้ว ได้ยินคือใคร? ได้ยินคือคุณหรือเปล่า? ก็ผ่านไปแล้ว เมื่อไม่ใช่คุณที่เห็น แล้วเป็นใครที่เห็น? นั่นคือสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นรู้ในสิ่งที่ถูกรู้ นี่คือความจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะสภาพธรรมที่เกิดดับนั้นไม่ได้ปรากฏการเกิดดับให้รู้จริงๆ จึงคิดว่ามีเราที่กำลังได้ยิน เราที่กำลังเห็น เราที่กำลังคิด แล้วความจริงนั้นคืออะไร? ความจริงคือ มีลักษณะสภาพที่สามารถรู้ ซึ่งไม่ได้มี ลักษณะที่เป็นรูปร่างเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ความจริงนี้ใครสามารถเปลี่ยนได้ไหม? นี่คือความหมายว่าไม่มีเรา เป็นอนัตตา

問:研習佛法的重點就是瞭解真相,就是智慧瞭解法的真實本質,但這個過程是很漫長,向善 向光明 是健康的法不是我 “無我”(anatta),我大概知道的就是這樣,這個智慧瞭解真相是很重要。

ผู้ถาม: สิ่งที่สำคัญของการศึกษาพระธรรมคือเข้าใจความจริง ก็คือปัญญาเข้าใจความจริง แต่หนทางนี้ไกลและต้องอาศัยเวลาที่ยาวนานมาก สภาพธรรมที่เป็นไปในกุศล เป็นไปในการรู้ความจริง เป็นสภาพธรรมที่ดีที่มีกำลัง ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็นอนัตตา กระผมเหมือนจะเริ่มรู้ว่าปัญญาที่เข้าใจความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง

Ajhan Sujin:還有因緣條件,因為能夠被知道,能夠被瞭解的,一定是在那裡的法,瞭解在那裡 出現的法是 “無我”(anatta)的真實本質。 不管是可以去經驗的還是不能去經驗的,在任何那一個世界都是這樣不被改變,任何人都不能改變這個究竟實相。

อ.สุจินต์: ยังต้องอาศัยเหตุปัจจัยด้วย เพราะว่าการที่จะสามารถเข้าใจและรู้ความจริงของสิ่งนั้นได้ได้ ก็ต้องเป็นการเข้าใจการรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็นอนัตตา ไม่ว่าจะเป็นสภาพรู้หรือเป็นสภาพที่ถูกรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกทางไหน ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงของปรมัตถธรรมได้

問:已經發生了是沒有人可以改變的,因為它已經有因緣條件已經出現了,生命的真相有那麼多不同的法不停地生起滅去,不管是善法或不善法都會累積,成為未來不同的法生起的因緣條件之一。

ผู้ถาม: ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าเกิดขึ้นแล้วตามเหตุตามปัจจัย และในชีวิตก็มีสภาพธรรมหลายอย่างมากมายเกิดขึ้นเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นกุศลธรรมหรืออกุศลธรรมที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สะสม และก็จะเป็นเหตุปัจจัยของสภาพธรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

Ajhan Sujin:在未來的,當然是跟現在正在出現的真相是不同的,但是它一定有它的因緣條件而生起,未來,不管是改變還是不改變,都不是由誰或你或我來支配製造的。

อ.สุจินต์: อนาคตนั้นแน่นอนว่าต้องต่างจากเดี๋ยวนี้ขณะนี้ แต่ก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น อนาคตจะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของคุณ ของดิฉัน หรือของใครทั้งนั้น

Sarah:在無我相經(Anattalakkhana Sutta) 佛陀所說,「五蘊」色蘊、受蘊、想蘊、行蘊、識 蘊、都不是我,否則我們都可以要一直愉快的感受,所以我們不能夠作,不能控制支配讓它生起。 所以在那裡的不管是什麼法,它生起就立刻滅去了,這就是 “無我”(anatta)的意義。 過去、現在、末來、都一樣,不管是色蘊或者是哪一種類型的法,生起就滅了,是 “苦” 不是我 “無我”(anatta)。

ซาร่า: ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า ขันธ์๕คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ไม่ใช่ของเรา มิฉะนั้นแล้วเราก็คงสามารถที่จะมีแต่สุขเวทนา แต่ว่าเราทำไม่ได้ ไม่สามารถบังคับบัญชาให้มีแต่สุขเวทนาเกิดขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่อยู่ที่นั่นไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตาม เกิดขึ้นแล้ว แล้วต้องดับไปทันที นี่คือความหมายของความไม่มีเรา เป็นอนัตตา อดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรูป ขันธ์ หรือสภาพขันธ์ใดขันธ์หนึ่งก็ตาม เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา

沒有人會選擇錯誤的見解 “邪見”(ditthi)生起,可是它有條件生起就生起了。 沒有人會選擇讓憤怒 “瞋恨”(dosa)生起,讓不愉快的感受,不善的欲望生起,可是一旦有適當的因緣條件,它們就生起了。 沒有人會選擇讓身體碰觸到疼痛痛苦的感受,可是當它有條件生起的時候它就生起了,它是果報,生起就滅了。

ไม่มีใครที่จะเลือกความเห็นผิด ให้มิจฉาทิฏฐิเกิด แต่ว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครเลือกที่จะให้ความโกรธ หรือโทสะเกิดขึ้น หรือเลือกความรู้สึกที่ไม่สบาย ความพอใจฉันทะที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม สิ่งนั้นก็ต้องเกิด ไม่มีใครเลือกที่จะให้ความเจ็บปวดทางกายที่เกิดขึ้นเพราะการกระทบสัมผัสเกิดขึ้น แต่เมื่อถึงเวลา มีเหตุปัจจัยที่จะต้องเกิดก็ต้องเกิด เป็นผลของกรรม เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

每個人都會想要愉快的感受,但同樣的,不管你想要的是什麼,不是你想要而生起,而是因緣和合而生起,生起了立即就滅去了,它不可能帶來滿足,是 “無常”(anicca)也不是你的。 這是很長的過程,不管是任何的不善,“邪見”(ditthi)執取的累積是很深。

ทุกคนก็อยากจะได้รับความรู้สึกที่ดี เช่นเดียวกัน ไม่ว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นคืออะไร ไม่ใช่เป็นเพราะคุณอยากได้จึงเกิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเหตุปัจจัย เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทันที ไม่อาจนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง ไม่เที่ยง และไม่ใช่คุณด้วย หนทางนี้เป็นหนทางที่ยาวนานมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพอกุศลธรรมใดๆ ก็ตาม ความยึดมั่นในความ เห็นผิดนั้นฝักลึก สะสมมายาวนาน

當任何人在討論佛法,分享佛法如果他不能夠解釋什麼是“無我”(anatta),不能夠真的瞭解 “無我”(anatta)是什麼意義,這不是佛陀的教導。 真相並沒有任何人或東西,並沒有誰,只是色塵被看到,並沒有電腦,被看到的只是色塵,真相就只是法的生滅。

ไม่ว่าใครก็ตามในขณะที่กำลังสนทนาธรรม แสดงพระธรรม ถ้าหากว่าไม่สามารถอธิบายได้ว่าอะไรอย่างไรคือไม่มีเรา ก็หมายความว่าไม่ได้เข้าใจความหมายของอนัตตาจริงๆ และนั่นก็ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ความจริงคือไม่มีคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่ใครเลย เป็นเพียงสีหรือสิ่งที่สามารถให้เห็นทางตาที่ถูกเห็น ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ด้วย สิ่งที่ถูกเห็นเป็นเพียงสี เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดดับ

Jon:所有生滅的法一定是 “無常”(anicca)“苦”(dukkha)“無我”(anatta)的特徵,所有的法都是 “無我”(annatta)。 在任何一刻,不管生起的 “名法” 和 “色法”, 比如 “眼識” 生起的那一刻是沒有被其他的心識之流一起分享的,同時我們在討論這個心識之流那個心識之流,這些 “名法” 跟 “色法” 是與人無關,有時候 “名法” 跟 “色法” 也被描述稱為 “界”(dhatu)不管是你叫它 “法”(dhamma) 也好,你叫它 “界”(dhatu)也好,它就只是 「生起」「滅去」而已。

จอน: ธรรมะทุกอย่างที่เกิดดับต้องมีลักษณะที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สภาพธรรมทั้งหมดนั้นไม่มีเรา เป็นอนัตตา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม เช่น ขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้น ขณะนั้นจิตอื่นจะมาเกิดพร้อมหรือร่วมกันด้วยไม่ได้ เช่นเดียวกันกับขณะที่เราพูดถึงความเป็นไปของจิตนี้หรือจิตนั้น พูดถึงรูปธรรมกับนามธรรม ทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวกับคน ในบางครั้งนามธรรมกับ รูปธรรม ยังมีการอธิบายความหมายว่าเป็น ธาตุ แต่ไม่ว่าจะเรียกว่า “ธรรมะ”ก็ดี เรียกว่า”ธาตุ”ก็ดี ก็เพียงแต่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปแค่นั้น

這個真相的體證,當然是要有足夠建立的智慧才能夠體證,即使是在理智上的階段也是可以去理解所有這些生滅法,「生起」「滅去」永遠都不會再回來了。

การที่จะรู้ความจริงนี้ได้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นปัญญาระดับที่ได้อบรมมามากพอ แม้ความเข้าใจธรรมะที่เกิดดับในขั้นปริยัติ ก็สามารถที่จะเข้าใจในความเป็นไปของธรรมะว่า เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย

例如 “行蘊” 生起滅去不會在會來,但它會累積的,那麼對於有些心 例如 “眼識” 是可以去經驗同時也有另外的法可以把所經驗的紀錄下,當然跟我們世俗上所認知的 “世界”(loka)是不同的,對只是 “法” 世界的真相,不可能剛剛聽到就能夠直接瞭解 “世界” 就是這樣子,但是在理智上我們可以把佛陀所說到的 “世界”(loka)放在心裡面,在我們日常生活中有沒有機會去驗證真的就 是這樣子 。

เช่น สังขารขันธ์ เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่กลับมาอีกเลย แต่มีการสะสม สำหรับจิตบางประเภท เช่น จิตเห็น เป็นสภาพรู้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังมีสภาพธรรมอีกอย่างที่เกิดพร้อมกันในขณะนั้น แต่ทำหน้าที่จำในสิ่งที่จิตรู้ แน่นอนว่าต้องเป็นโลกที่ต่างจากที่ปุถุชนเข้าใจ โลกของความจริงที่เป็นเพียงธรรมะนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เพียงเพิ่งจะได้ยินก็สามารถที่จะรู้ตรงโลกว่าเป็นลักษณะอย่างนี้นี่เอง แต่ตามการศึกษาในปริยัติ เราสามารถที่จะน้อมนำคำสอนของพระพุทธองค์ที่เกี่ยวกับโลกนั้นมาพิจารณาว่าในชีวิตประจำวันของเราพอจะมีโอกาสที่จะรู้ในลักษณะอย่างนั้นบ้างได้ไหม

Ajhan Sujin:「kun da zhuang」大狀先生,這一刻是不是 “無我”(anatta)?

อ.สุจินต์: คุณต้าจ้วงคะ ขณะนี้ไม่มีเรา เป็นอนัตตาใช่ไหม?

問:是的

ผู้ถาม: ใช่ครับ

Ajhan Sujin:那現在這一刻,有什麼是 “無我”(anatta)嗎?

อ.สุจินต์: แล้วขณะนี้ล่ะ ยังมีอะไรอีกที่เป็นอนัตตาบ้างไหม?

問:聲音。

ผู้ถาม: เสียงครับ

Ajhan Sujin:是的,那 “眼識” 呢!為什麼眼識是 “無我”(anatta)?

อ.สุจินต์: ถูกต้อง แล้วจิตเห็นล่ะ ทำไมจิตเห็นจึงเป็นอนัตตา?

問:因為“眼識” 是因緣和合而生起。

ผู้ถาม: เพราะว่าจิตเห็นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

Ajhan Sujin:剛才的 “眼識” 現在還在嗎?

อ.สุจินต์: จิตเห็นเมื่อสักครู่ เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ไหม?

問:不在了。

ผู้ถาม: ไม่มีแล้วครับ

Ajhan Sujin:去哪裡了呢?

อ.สุจินต์: ไปไหนแล้วล่ะ?

問:因緣散去了,滅去了,不再出現了。

ผู้ถาม: เหตุปัจจัยหมด ดับไปแล้ว ไม่กลับมาเกิดขึ้นอีกครับ

Ajhan Sujin: 再也不生起了嗎?

อ.สุจินต์: ไม่กลับมาเกิดขึ้นอีกเลยใช่ไหม?

問:滅去了再也不會回來了,生起的是新的 “法”,新的 “眼識”。

ผู้ถาม: ดับแล้วไม่อาจกลับมาอีกเลย ที่เกิดขึ้นคือสภาพธรรมอันใหม่ เป็นจิตเห็นอันใหม่

Ajhan Sujin:那這一刻在看的也滅了嗎?

อ.สุจินต์: แล้วขณะนี้ที่กำลังเห็นก็ดับไปแล้วใช่ไหม?

問:對,滅了。

ผู้ถาม: ครับ ดับแล้วครับ

Ajhan Sujin:所以,如果認為去看的是我,認為是我的那個看,滅去了嗎?不會再回來了嗎?這就是在理智上的階段去培養瞭解真相的道路,不只是 “眼識” 這個法,其他的法也是一樣,只是法、不是我、沒有人、沒有東西, “無我” (anatta) 究竟真相,有任何人或任何東西嗎?

อ.สุจินต์: ดังนั้น หากเข้าใจว่าคือเราที่เห็น ที่เข้าใจว่าเห็นเป็นเรานั้นดับแล้วหรือยัง? ไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม? นี่คือการอบรมเจริญหนทางของการที่จะเข้าใจความจริงในขั้นปริยัติ ไม่เพียงแค่จิตเห็นเท่านั้น สภาพธรรมอื่นๆ ก็เช่นกัน เป็นเพียงธรรมะเท่านั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่มีเรา เป็นอนัตตา ความจริงซึ่งเป็นปรมัตถธรรม มีใครสักคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดไหม?

問:是不是 “想蘊”? 因為記憶也是真實的法,想像也是真實的嗎?

ผู้ถาม: เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม? เพราะว่าความจำก็เป็นสิ่งที่มีจริง ความคิดก็เป็นความจริงใช่ไหม?

Ajhan Sujin:不管現在正在生起的是哪一個法,包括我們不知道的,沒有出現的法,都不由誰可以去改變的,因此每個法的特徵是不能改變的。 “眼識” 就是“眼識”不可更改讓它變成 “耳識” 以及每個法的生起,都是因緣條件而生起的。不管在那裡的是什麼?它一定有條件所以在那裡了,它也一定立刻就滅去了,並沒有人跟東西,恆常的在哪裡? 在理智上的究竟真相所累積的信心愈來愈瞭解,一直到逐漸的放掉有我存在的這個概念。 即使是在理智上累積的信心,都是非常難的機會,所以從一開始都要有正確的理解,否則是不可能真正的培養去瞭解真相的條件。 重點的就是要討論佛法,討論這一刻的真相,直到慢慢的,一點一滴的去瞭解現在這一刻的真相,「再見」(sawadika) 。

อ.สุจินต์: ไม่ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นจะเป็นสภาพธรรมใดก็ตาม รวมถึงสภาพธรรมที่ไม่ได้ปรากฎให้ เรารู้ด้วย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเหตุว่าลักษณะของสภาพธรรมทุกอย่าง เปลี่ยนไปได้ จิตเห็น คือจิตเห็น จะเปลี่ยนให้เป็นจิตได้ยินก็ไม่ได้ รวมถึงสภาพธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏคืออะไร ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทันที ไม่มีใครหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดแน่นอน สิ่งที่เที่ยงนั้นอยู่ไหน? ค่อยๆ สะสมความเข้าใจความจริงในขั้นปริยัติ ความมั่นคงก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความเข้าใจนั้น จนกระทั่งค่อยๆ ละคลายความคิดที่ว่ามีตัวเรา แม้แต่การสะสมความมั่นคงในความเข้าใจขั้นปริยัติ ก็เป็นโอกาสที่ยากมากๆ ดังนั้นตั้งแต่เริ่มก็ต้องมีความเข้าใจถูก มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอบรมเจริญความเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จุดที่สำคัญคือการสนทนาธรรม สนทนาความจริงในขณะนี้ จนกระทั่งค่อยๆ ไปเข้าใจความจริงในขณะนี้ เดี๋ยวนี้ทีละเล็กทีละน้อย



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠

น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享

กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ

ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีนสรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)
แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ก.พ. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ