ศึกษาธรรมอย่างไรให้เกื้อกูล เดี๋ยวนี้เป็นธรรมด้วยความเข้าใจ

 
ค่อยๆศึกษา
วันที่  27 ธ.ค. 2564
หมายเลข  41804
อ่าน  500

ปกติแล้วก็สงสัยไปเรื่อยๆ สารพัดหัวข้อ เช่น พรมวิหารมีอะไรบ้าง ปัจจัย 24 มีอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เกิดความเข้าใจต่อ เดี๋ยวนี้มีธรรมที่กำลังปรากฏ จะศึกษาธรรมอย่างไรถึงจะเกื้อกูล เข้าใจธรรมปัจจุบัน หรือ เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ครับ

รบกวนชี้แนะครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ธ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แนวทางการศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ท่าน อ.สุจินต์...เมื่อศึกษาแล้ว ทุกท่าน ไม่ว่าในสมัยโน้น สมัยนี้ หรือสมัยต่อไป ก็ต้องเป็นผู้ที่พิจารณาสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ประกอบกับการศึกษา โดยละเอียดยิ่งขึ้น ดิฉันเคยกล่าว ไม่ทราบจะมีข้อความนี้ออกในวิทยุหรือยัง ว่ารุ่นของดิฉันเป็นรุ่นบุกเบิก หมายความว่า ตัวดิฉันเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในครั้งนั้น ซึ่งตอนนี้ท่านที่เรียนร่วมกันท่านก็จากโลกนี้ไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น รุ่นบุกเบิกก็จะเป็นรุ่นที่แนะนำ เรื่องของปรมัตถธรรม โดยละเอียดเท่าที่ดิฉันจะกระทำได้ หมายความว่าทั้งศึกษาจากอาจารย์ด้วย แล้วก็ศึกษาจากพระไตรปิฎก และอรรถกถา แล้วก็พิจารณาเหตุผล จนกระทั่งสามารถที่จะเข้าใจความสอดคล้องของธรรม จึงได้บรรยาย ไม่ใช่ว่าเมื่อดิฉันยังคงสงสัย ไม่แน่ใจ แล้วก็กล่าวไปทั้งๆ ที่สงสัย หรือไม่แน่ใจ แต่ว่าเมื่อดิฉันไม่มีความรู้ภาษาบาลี ดิฉันก็ได้กราบเรียนถามพระคุณเจ้าที่มหามกุฎราชวิทยาลัย ทุกวันพุธ ถึงข้อความที่เป็นภาษาบาลี ที่จะต้องกล่าวหรือจะต้องอธิบาย หรือจะต้องอ้างถึงในอรรถกถา และในพระไตรปิฎก ตลอดมา ด้วยการที่เห็นพระคุณว่า พระธรรมเป็นสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องทรงบำเพ็ญ พระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัป คิดว่านี่น้อย แต่ความจริงมากมายมหาศาล เพียงคำว่า ๔ อสงไขยแสนกัป ถ้าเราจะคิดเป็นกัปจากวันๆ ไป แต่ว่าผู้ที่บำเพ็ญด้วยศรัทธา ต้องมากกว่า ๔ อสงไขยแสนกัป ถึง ๘ อสงไขยแสนกัปป ถ้าผู้ที่บำเพ็ญด้วยวิริยะ ก็ต้องถึง ๑๖ อสงไขยแสนกัปปแต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นี้ ทรงบำเพ็ญ ๔ อสงไขยแสนกัป ไม่นับที่ทรงตั้งความปรารถนา และที่ยังไม่เคยเอ่ยกล่าวเป็นวาจา เพราะฉะนั้น พระธรรมมีคุณค่ามหาศาล ซึ่งทุกคนต้องศึกษาด้วยความเคารพ ด้วยการที่จะต้องเป็น ผู้ที่ละเอียด รอบคอบ แล้วก็ต้องพิจารณาประกอบกับสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น เท่าที่ผ่านมา ใครที่จะศึกษาต่อไป ก็จะต้องพิจารณาอย่างนี้ คือด้วยความรอบครอบ ด้วยความสอดคล้อง หรือว่าข้อความใดก็ตามที่ได้ รับฟัง จากการบรรยายธรรมทางวิทยุของท่านผู้หนึ่งผู้ใดก็ควรที่จะได้นำข้อความนั้นมาค้น ให้ละเอียด เพื่อที่จะได้รู้ว่า ความจริง ที่มีในพระไตรปิฎก เป็นอย่างไร เราจะเข้าใจผิวเผินไป หรือว่ายังไม่เข้าใจส่วนละเอียด เราก็พยายามที่จะค้นคว้าโดยละเอียด เพราะฉะนั้น จะเรียนจากใคร เรียนจากที่ไหน อย่างไร ก็ต้องแล้วแต่อัธยาศัย ของผู้นั้น ถ้าผู้นั้นไม่สนใจพระอภิธรรม จะฟังแต่พระสูตร หรือว่าจะเรียนด้วยตัวเอง เขาจะเข้าใจความหมายในพระไตรปิฎก ได้ไหม เพราะว่าถ้าสามารถที่จะเรียนด้วยตัวเองได้ ทุกคนไม่ต้องฟังอะไรเลย อ่านพระไตรปิฎก ทุกคนอยู่กับบ้าน ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องสนทนาธรรม ไม่ต้องปรึกษาหารือ แล้วก็เข้าใจว่าที่ตนเองอ่าน เข้าใจ เป็นสิ่งที่ถูก แต่ว่าถ้าได้มีกาารพบปะ แล้วสนทนากัน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน สิ่งที่อาจจะเข้าใจว่าถูก ก็จะได้รู้ว่าความจริงนั้นคืออย่างไร เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรม ถ้าเรามีความรู้ ความเข้าใจที่ว่า เราต้องการที่จะเข้าใจความจริงในพระพุทธศาสนา เราก็จะฟังที่ไหนก็ได้ แต่ว่าฟังแล้วต้องคิด แล้วก็ต้องพิจารณา แล้วก็ต้องสอบถาม จะสอบถามๆ หลายๆ ท่าน ยิ่งดี เพื่อที่จะได้เอาคำตอบของแต่ละท่านมาพิจารณาว่าคำตอบใดตรงตามเหตุผล แล้วก็ตามสภาพธรรม ที่มีจริง และตรงตามข้อความในพระไตรปิฎก จากคำบรรยาย ชุด ปกิณณกธรรม ครั้งที่ 607

ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 27 ธ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ตราบใดที่ยังเห็นประโยชน์ของพระธรรม มีการฟัง มีการศึกษา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ฟังแต่ละคำ ด้วยความเคารพละเอียดรอบคอบ คำจริงของพระองค์ที่ได้ฟังได้ศึกษานั้น ไม่พ้นจากเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้เลย แม้แต่ที่กล่าวถึงพรหมวิหาร ๔ ได้แก่ เมตตา ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน กรุณา ความเห็นใจช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี มีความสุข อุเบกขา ความเป็นกลางไม่เอนเอียงด้วยอำนาจของอกุศล ก็คือ สภาพที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา หรือ พอได้ฟังเรื่องของปัจจัย ก็คือ แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม ที่เมื่อจะเกิดขึ้น เกิดเองลอยๆ ไม่ได้ หรือ ใครบังคับหรือทำให้เกิดก็ไม่ได้ แต่เกิดขึ้นเป็นไปตามปัจจัย (สิ่งที่อุปการะเกื้อหนุนให้สภาพนั้นๆ เกิดขึ้น) เพื่อความเข้าใจว่า ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนเลย ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก ทำกิจของปัญญา ไม่มีอะไรที่จะไปกิจของของปัญญาแทนปัญญาได้เลย เข้าใจเท่าที่จะเข้าใจได้ เมื่อฟังต่อไป ศึกษาต่อไป ความเข้าใจก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 27 ธ.ค. 2564

ขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sea
วันที่ 30 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ