วัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง

 
pisitmink
วันที่  25 มิ.ย. 2550
หมายเลข  4099
อ่าน  2,043

รบกวนสอบถามว่าการจัดผ้าป่า จัดสร้างพระเครื่อง ฯลฯ ผลประโยชน์คือ เงินส่วนต่างที่เกินเป้า แล้วพวกนักจัดสร้างทั้งหลายนำไปเข้ากระเป๋าตัวเองหรือพวกพ้อง ถือว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริตหรือไม่อย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 25 มิ.ย. 2550

ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าการกล่าวถึงสุจริตหรือทุจริตขึ้นอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญ ถ้ามีเจตนาลัก ฉ้อโกง ยักยอก หลอกลวง ขู่กรรโชกเป็นต้น ชื่อว่าทุจริต แต่ถ้าแสวงหาได้มาโดยธรรมชื่อว่าสุจริต ฉะนั้นตามคำถามคงต้องพิจารณาเป็นแต่ละรายไปว่า มีการตกลงกันไว้อย่างไร และมีเจตนาอย่างไรในการกระทำการแต่ละครั้ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 25 มิ.ย. 2550

ก็เหมือนทำการค้าขายกำไรทั่วไป ไม่เหมาะสม ไม่ควรทำ เพราะเหมือนเอาพระมาขาย เอาวัดเป็นสถานทีทำมาหากิน แทนที่จะเอาวัดเป็นสถานที่ให้ชาวพุทธได้ศึกษาธรรม ก็กลายเป็นธุรกิจไป และที่สำคัญวัดเป็นสถานที่ที่ทำให้เราระลึกคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลและระลึกถึงความตาย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 25 มิ.ย. 2550

ผมขอให้ความเห็นเพิ่มเติมครับว่า

เมื่อไม่มีผู้ใดสามารถรู้ถึงเจตนาเจสิกที่เกิดร่วมกับขณะจิตขณะนั้นของผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การกระทำต่างๆ ได้ โดยส่วนมาก เราจึงชอบหาผู้ตัดสินความผิดชอบชั่วดีของผู้อื่น ว่าจะตรงกับความคิดของเราหรือไม่ ผมคิดว่า มีเพียงการเจริญสติปัฏฐานเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการระลึกรู้ถึงขณะจิตที่เกิดกับตนว่า มีความรู้สึก ความจำ ความคิด หรือสภาพธรรมมะใดเกิด เมื่อได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้ถึงการกระทำของบุคคลอื่นอย่างไรบ้างได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นชาวพุทธก็ควรมั่นคงในเรื่องของกรรมครับ ว่ากรรมนั้นเป็นของของตน กรรมนั้นเป็นผู้ให้ผล กรรมนั้นย่อมติดตามไปดั่งเกวียนที่หมุนไปที่ใด ก็ทิ้งรอยเกวียนไว้ในทางที่ผ่านมานั้น นั่นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 25 มิ.ย. 2550

ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาประเสริฐ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 29 ธ.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ