ชีวิตทุกขณะเป็นธรรมทั้งนั้น
ในครั้งพุทธกาลผู้ที่ท่านเจริญสมถภาวนามาก่อน เมื่อได้ฟังธรรม ท่านก็ต้องเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ๔ ระลึกรู้สภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นกาย เวทนา จิต ไม่ว่าจะเป็นจิตที่สงบหรือไม่สงบก็ตาม และธรรมทั้งปวงด้วย จึงจะเป็นผู้ที่สามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ ไม่ใช่เจริญความสงบ และอาศัยความสงบนั้นมารู้แจ้งสภาพธรรมโดยไม่ใช่เป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ อย่างนั้นไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้
ท่านที่ยังงง ยังสงสัย ยังหนักใจอยู่ ขอให้อุ่นใจในขั้นแรก คือ เป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ ไม่ต้องไปทำอะไรให้ลำบาก ให้เดือดร้อน ขณะหนึ่งที่สติเกิดจะเป็นปัจจัยให้เกิดสติครั้งต่อไป ขณะต่อไป วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีสติเกิดเลยสักขณะเดียว อีกวันหนึ่งก็อาจจะมีสติบ้างบางขณะ เล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าเดือดร้อนใจ เพราะว่าความเดือดร้อนใจนั้นเป็นตัวตน หนาแน่นไหมที่จะต้องละ ซึ่งกว่าจะรู้ชัดในสภาพธรรมละเอียดขึ้น ทั่วขึ้น จนไม่หวั่นไหว และไม่เดือดร้อนได้ ก็ด้วยสติ ระลึกรู้ลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย อย่าคิดว่า การที่รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงทีละเล็กทีละน้อยนี้ จะไม่ใช่การที่จะทำให้รู้แจ้ง เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งนั้น ไม่ใช่รู้แจ้งสภาพธรรมอื่นเลย นอกจากสภาพธรรมที่ปรากฏเป็นปกติ
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัว โดยคิดว่าจะต้องเจริญสติให้ต่อกันไปไม่หยุดเลย จึงจะประจักษ์ความเกิดดับของนามรูป นั่นไม่ใช่หนทาง แต่หนทางที่จะประจักษ์ความเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรมโดยสภาพที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้ ก็โดยที่ขณะใดสติเกิดและปัญญาที่อบรมมาแล้วสามารถรู้ชัดได้ แม้ว่าบางวันสติไม่เกิด แต่เพราะอบรมมาแล้ว เมื่อสติเกิดปัญญาก็สามารถรู้ชัดได้
เรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไปจริงๆ ไม่ใช่ว่าท่านสามารถที่จะรู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้อย่างรวดเร็วเพราะว่าการที่จะแทงตลอดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนี้ ต้องเป็นปัญญาจริงๆ และการรู้ไม่ใช่รู้อย่างอื่น ถ้าท่านไปรู้อย่างอื่นมากมาย แต่ว่าขณะนี้ที่กำลังเห็น หรือกำลังได้ยิน กำลังคิดนึก กำลังเป็นสุข เป็นทุกข์ต่างๆ ท่านไม่รู้ อย่างนี้ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน และไม่ใช่การเจริญวิปัสสนาด้วย
เพราะฉะนั้น ท่านที่สนใจในการเจริญสติปัฏฐาน ท่านจะต้องทราบเสียก่อนว่าเป็นการเจริญความรู้ ธรรม คือ ธรรมดา ทุกวันๆ ที่เป็นปกติในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง มีการเห็น มีการได้ยิน มีการได้กลิ่น มีการรู้รส มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส มีความคิดนึก มีสุข มีทุกข์ มีเหตุการณ์มากมายเหลือเกินที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคนในแต่ละวัน
ถ้าท่านผู้ฟังเป็นผู้ที่สังเกตชีวิต จะเห็นได้ว่า ชีวิตของท่านไม่ซ้ำกันสักวันเดียว เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งแสดงสภาพลักษณะของธรรมที่เกิดขึ้นแล้วหมดไป เมื่อมีปัจจัยที่จะให้สภาพธรรมใดเกิดขึ้น สภาพธรรมนั้นก็เกิดขึ้นเป็นไป ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มีความรู้สึกมากมายหลายประการที่เกิดขึ้นใน วันหนึ่งๆ บางวันบางท่านอาจจะรู้สึกตื่นเต้นยินดีพอใจมาก เป็นสุข แต่อีกวันหนึ่งอาจจะเป็นความทุกข์มากหรือน้อย อาจจะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นจริง ชีวิตทุกขณะเป็นธรรมทั้งนั้น
ที่มา และ ขอเชิญรับฟัง
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 228


