สนทนากับอุบาสิกาแม่ชี ลักษณะของสติ
ขอเล่าถึงเรื่องการสนทนากับอุบาสิกาแม่ชี ซึ่งใคร่ที่จะให้ท่านผู้ฟังได้รับฟังและพิจารณา แม่ชีที่สนทนาด้วยมีทั้งที่อายุยังน้อย และท่านที่สูงอายุแล้ว แม่ชีที่อายุน้อยท่านหนึ่ง ท่านซักถามเรื่องอื่น หลายเรื่องทีเดียว ส่วนแม่ชีผู้สูงอายุก็เตือนสติว่าสำหรับในวันนี้ขอให้มีความรู้จริงเพียงอย่างเดียวก็พอ ขอให้พูดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ เพื่อความเข้าใจที่จะเกิดขึ้นจริงๆ เพราะฉะนั้น ก็ขอเพียงให้เข้าใจลักษณะของสติในการเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นประการใดเลย ถ้าตราบใดที่ยังไม่เข้าใจลักษณะของสติแล้ว เจริญสติปัฏฐานไม่ได้ เป็นของที่แน่นอนที่สุด ไม่ว่าโดยพยัญชนะจะกว้างขวางไปถึงมรรคองค์อื่นๆ หรืออย่างไรก็ตาม แต่ถ้าผู้นั้นไม่สามารถที่จะแยกลักษณะของสมาธิกับลักษณะของสติออกจากกัน ผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะเจริญสติปัฏฐานได้
เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นขอให้ได้ความรู้จริงเพียงประการเดียวว่า สติมีลักษณะอย่างไร และอย่างไรชื่อว่าสัมมาสติ เป็นการทำให้ท่านผู้ฟังซึ่งมีความหวังไกลถึงมรรคผลนิพพาน ได้ย้อนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง อาจจะเคยปฏิบัติไปไกล หลงไปก็ได้ แต่ว่าไม่ใช่การรู้ลักษณะของสติ หรือว่าไม่ใช่การเจริญสัมมาสติจริงๆ
ถ้าในขณะใดที่เข้าใจว่า กำลังทำวิปัสสนา แต่ผู้นั้นไม่สามารถจะตอบได้ว่า ลักษณะของสติเป็นอย่างไร ขอให้ผู้นั้นกลับมาระลึกว่า ลักษณะของสติที่เป็นสัมมาสตินั้น เป็นปกติอย่างไร และจะเกิดขึ้นในขณะนี้ได้ไหม ถ้าใครยังคิดว่า ขณะนี้สติเกิดไม่ได้ นั่นไม่ถูก และสติระลึกรู้อะไรจึงจะเป็นสัมมาสติ
สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางหนึ่งทางใด ทางตากำลังเห็น เมื่อสักครู่นี้หลงลืมไป แต่ลักษณะของสตินั้น เป็นสภาพที่ระลึกได้ ที่ระลึกได้ไม่ใช่คิด หมายความว่ากำลังรู้ในลักษณะที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จะเป็นทางตาในขณะนี้ ก็รู้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพรู้ทางตาซึ่งเป็นนามธรรม หรือว่าถ้าจะระลึกรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏ กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ก็เป็นของจริงที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ถ้าระลึกตรงลักษณะที่กำลังเห็น และรู้อย่างนี้ทีละเล็กทีละน้อย เป็นการเจริญอบรมให้ปัญญารู้สภาพธรรมมากขึ้น ทั่วขึ้น เป็นปกติ นั่นจึงจะชื่อว่าสัมมาสติ
ที่มา และ ขอเชิญรับฟัง

