ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๒

 
khampan.a
วันที่  31 ต.ค. 2564
หมายเลข  39456
อ่าน  1,037

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๒
* *




~ เราเกิดมา ถ้าเราไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ไหมว่าอะไรจริง แค่นี้ ถ้าเราเป็นคนที่ไตร่ตรองและเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ เราก็จะได้สาระมาก จากแต่ละคำที่ได้ฟัง โดยไม่ผ่านไป

~ ถ้าเราละเลยที่จะเข้าใจคำสอนของผู้ที่เราเคารพสูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตของเราก็จะไม่ได้ประโยชน์จากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อให้ผู้มีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นทางที่จะทำให้ผู้นั้นถึงความเป็นผู้ปลอดภัยจริงๆ คือ สามารถดับกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ได้

~ ธรรม ยาก เพราะฉะนั้น ไม่มีตัวตนที่จะไปทำให้ง่าย หรือว่าไม่มีความเป็นตัวตนที่อยากจะได้ผลเร็วๆ แต่เป็นผู้ที่ตรงที่จะต้องสะสมความเข้าใจ ความละเอียด ความลึกซึ้งของธรรมจนกว่าจะเป็นปัญญาของตัวเองที่ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้น

~ เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงหรือเปล่า? มีสิ่งที่มีจริง ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พิจารณา ไตร่ตรอง เพื่อที่จะได้เป็นปัญญาของผู้ที่ฟังเอง เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นแล้วจึงรู้ว่าไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ สิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือ คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พุทธรัตนะ) พระธรรม (ธรรมรัตนะ) ที่นำไปสู่ความเข้าใจความจริงจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ตามพระองค์ได้ ถึงการดับกิเลสเป็นพระอริยสาวก (สังฆรัตนะ) จึงเป็นพระรัตนตรัย รัตนะ ๓ อย่างที่ประเสริฐสุด

~ กิเลสมีมาก ไม่ใช่เพียงแค่ในชาตินี้ ชาติที่ผ่านๆ มาสะสมมามากเท่าไหร่แล้ว และยังจะมากต่อไปอีก ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว

~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด เพราะสามารถที่จะทำให้จากที่มีความไม่ดี มีความไม่รู้ เป็นค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงซึ่งจะไม่นำไปสู่ความไม่สงบ เมื่อมีปัญญา

~ นับถือพระพุทธศาสนา ก็จะต้องศึกษาพระพุทธศาสนาที่ตนเองนับถือ มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นคนหลอกลวง เป็นคนไม่ตรง ถ้าเรานับถืออะไร หมายความว่าเรารู้คุณของสิ่งนั้น เราจึงนับถือ แต่ถ้าเราไม่รู้คุณเลยแล้วเราบอกว่าเรานับถือ ตรงไหม? ก็ไม่ตรง ไม่ตรง ก็คือ ลวง ที่บอกคนอื่นว่านับถือพระพุทธศาสนาแต่ไม่รู้ว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร

~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มทำให้ผู้ฟังเป็นคนตรง และ ความดีทั้งหมดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากความเป็นผู้ตรง สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด คนนั้นสามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูก ควรกระทำ สิ่งที่ผิด ไม่ควรกระทำ

~ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาด้วย เพราะฉะนั้น เกิดมาทุกคนก็เลือกเกิดไม่ได้ เลือกวงศาคณาญาติ เลือกวงศ์สกุล เลือกมิตรสหาย ก็ไม่ได้ เลือกไม่ได้สักอย่าง เลือกที่จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็เลือกไม่ได้ เลือกที่จะไม่เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจก็ไม่ได้ เลือกที่จะไม่โกรธเป็นคนดี ก็เลือกไม่ได้ เพราะเหตุว่า ธรรมแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาหรือไปทำให้เกิดขึ้นได้เลย

~ สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ชั่วคราว แสนสั้น แต่ไม่มีใครรู้จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แล้วสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมดก็จะค่อยๆ เปิดเผยด้วยปัญญาที่เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ว่า ธรรม เป็นธรรมไม่ใช่เรา

~ ค่อยๆ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปทีละคำ ค่อยๆ เข้าใจมั่นคงขึ้นแล้วจะรู้ว่าเกิดแล้วต้องตาย ไม่ตายไม่ได้ และจะตายวันไหนก็ไม่รู้ด้วย นี่ก็แสดงความจริงชัดเจนว่าไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาการเกิดการตายได้เลย

~ ใครจะสิ้นชีวิต จะมีเงินทองมหาศาลสักเท่าไหร่ที่จะไปซื้อว่าขออยู่ต่ออีกสักหนึ่งขณะ ก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ เห็นประโยชน์อย่างยิ่งของการที่เกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไป แต่จะจากไปด้วยความไม่รู้ด้วยความไม่เข้าใจอะไรเลย หรือว่า จากไป ก็ยังรู้ความจริงซึ่งจะสามารถทำให้ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมทั้งหมด ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาอะไรได้เลยทั้งสิ้น

~ จิตที่ไม่ดีเกิดขึ้น จะมีวาจาดีได้ไหม? คำพูดก็กระโชกโฮกฮาก ไร้ความเป็นมิตร แต่ถ้าจิตที่ดีเกิดขึ้น ก็จะมีความเป็นมิตร มีความเป็นเพื่อน มีความหวังดี พูดคำจริง เพราะเหตุว่าเป็นเพื่อนก็ต้องให้สิ่งที่ถูกต้อง จะให้สิ่งที่เท็จ ให้สิ่งที่ไม่จริงได้อย่างไร

~
เกิดมาแล้วให้อะไรกันก็มากมาย สิ่งนั้นก็หมดไป ให้เงิน เงินก็หมดไปใช้หมดไป ให้อาหาร อิ่มแล้วก็หมดไป ทุกสิ่งทุกอย่างหมดไป แต่ถ้าให้ความเข้าใจถูก ย่อมเป็นประโยชน์ยิ่ง อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกซึ่งไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) เพื่อที่จะตรัสรู้ความจริงให้คนอื่นได้รู้ตามด้วย เป็นกัลยาณมิตรที่ประเสริฐสุดที่ไม่มีใครเปรียบได้เลย

~ ใครจะเป็นมิตรใคร เราก็รู้ว่าให้สิ่งที่ดีสำหรับเขา คือ ให้ความจริง ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าชักชวนให้ทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เลย เป็นมิตรหรือเปล่า หวังดีหรือเปล่า?

~ ไม่มีใครจะเป็นมิตรที่ประเสริฐยิ่งกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ให้แต่คำที่จริง ถูกต้อง ควรฟังคำของพระองค์ยิ่งกว่าคำของคนอื่นหรือเปล่า?

~ บุคคลใดก็ตามที่ได้ทำอกุศลกรรมไว้แล้ว เมื่อถึงกาลที่อกุศลกรรมให้ผล ใครก็ช่วยไม่ได้ มารดาบิดาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็จะทำให้เรามีแต่การที่จะคิดเป็นมิตรและก็ช่วยเหลือคนอื่น

~ ท่านพระสาวกในอดีต เช่น ท่านพระอานนท์ ท่านเป็นผู้ปรนนิบัติพระผู้มีพระภาค เป็นพุทธอุปัฏฐาก รับใช้โดยตลอด แต่ในสมัยนี้พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปรนนิบัติพระธรรม คือ ผู้ที่ศึกษาเข้าใจและเผยแผ่พระธรรมนั้นให้บุคคลอื่นเกิดความรู้ เกิดความเข้าใจด้วย ไม่มีผู้อื่นแล้วที่จะปรนนิบัติ นอกจากพระธรรม ซึ่งเป็นศาสดาแทนพระองค์ เพราะฉะนั้น หน้าที่ของพุทธบริษัท คือ ศึกษาให้เข้าใจ และเมื่อเข้าใจแล้ว ก็ร่วมกันปรนนิบัติพระธรรมทุกประการ

~ ความโกรธเป็นโทษเป็นภัย เป็นอันตรายของตนเอง คนที่ถูกโกรธไม่เดือดร้อนอะไรเลย เพราะฉะนั้น กิเลสของตนเองที่เกิดกำลังทำร้ายตนเองและจะสะสมเป็นอุปนิสัยที่จะทำให้เป็นผู้โกรธต่อไปอย่างรวดเร็วแล้วก็อาจจะผูกโกรธเอาไว้นานด้วยและอาจจะถึงขั้นที่ไม่ยอมให้อภัย ถ้ารู้โทษของอกุศลอย่างนี้จริงๆ ขณะนั้นเมื่อเห็นโทษแล้วสติที่ระลึกได้ก็จะทำให้ขณะนั้นปราศจากความโกรธหรืออาจจะเกิดมีความเมตตาแทนที่จะโกรธก็ได้

~ ขณะที่เป็นโทสะหรือเป็นอกุศลจิตจะคิดเป็นไปในทางอกุศลมากมายหลายเรื่องซึ่งเป็นเรื่องร้ายทั้งหมด แต่ขณะใดที่คิดด้วยกุศลจิตจิตจะไปคิดในเรื่องที่ดีทั้งหมด แม้แต่การที่จะทำหรือวาจาที่จะพูด หรือแม้แต่ความคิดนึกทางใจก็เป็นไปในทางกุศล

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกร้องให้ใครไปทำความดีกับพระองค์หรือเปล่า? หรือว่าทั้งหมดด้วยพระมหากรุณาที่เพื่อเขาเท่านั้น เพื่อทุกคนที่จะได้รู้ความจริง เพื่อทุกคนจะได้เป็นคนดีขึ้น เพื่อทุกคนจะได้ไม่มีความชั่วร้ายที่สะสมมามากมายมหาศาลทั้งกายและวาจา

~ การสะสมแต่ละขณะนั้นมีผล ถ้าเริ่มขณะที่จะเจริญทางฝ่ายกุศล แม้เล็กน้อย แม้นิดหน่อย ในภายหลังจะไม่เป็นผู้ที่เกียจคร้านเลย ในการที่จะเป็นผู้ที่เจริญกุศล


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๑



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
jaturong
วันที่ 31 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
petsin.90
วันที่ 31 ต.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มังกรทอง
วันที่ 31 ต.ค. 2564

พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด เพราะสามารถที่จะทำให้จากที่มีความไม่ดี มีความไม่รู้ เป็นค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงซึ่งจะไม่นำไปสู่ความไม่สงบ เมื่อมีปัญญา

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 31 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
natthayapinthong339
วันที่ 31 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Sea
วันที่ 1 พ.ย. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Lai
วันที่ 1 พ.ย. 2564

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kukeart
วันที่ 3 พ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
มังกรทอง
วันที่ 9 พ.ย. 2564

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มทำให้ผู้ฟังเป็นคนตรง และ ความดีทั้งหมดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากความเป็นผู้ตรง สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด คนนั้นสามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูก ควรกระทำ สิ่งที่ผิด ไม่ควรกระทำ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ