ทรงพระเกศาของพระพุทธเจ้ากับสภาพธรรมะ

 
Thanapolb
วันที่  28 มิ.ย. 2564
หมายเลข  34510
อ่าน  801

ขอเรียนถาม​ ไม่แน่ใจอาจไม่เป็นการเข้าถึงความเข้าใจสภาพธรรมะตรงๆ

ประเด็นที่ ๑ เคยได้ยินว่าทรงพระเกศาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงขดเป็นรูปก้นหอย​ตลอดพระชนชีพหลังทรงออกบวช แต่มีบางท่านบอกไม่ใช่​ ต้องศีรษะโล้น​ โดยเขาอ้างอิงว่ามีคนกล่าวด่าพระองค์ว่า​ภิกษุหัวโล้น​บ้าง

ประเด็นที่ ๒. ถ้าแม้เป็นทรงก้นหอยตลอดพระชนขีพ ก็ต้องเพราะผลของกรรมที่ทำให้ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระปัญญาที่ทรงสะสมบารมีมา) รูปทรงพระเกศาจึงเป็นเช่นนั้น​และมีเฉพาะพระองค์ อย่างนั้นไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำบรรยาย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งนำมาจากพระไตรปิฎก ดังนี้ครับ

วันอาสาฬหบูชา ทุกท่านก็คิดถึงวันปฐมเทศนา แต่ควรที่จะได้ทราบด้วยว่าในวันนั้นเป็นวันที่พระโพธิสัตว์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พระโพธิสัตว์เสด็จหนทาง ๓๐ โยชน์ ผ่าน ๓ ราชอาณาจักร ราตรีเดียวเท่านั้นก็ถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงกระแทกม้าให้สัญญาณแก่ม้า ม้าก็กระโดดไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง พระโพธิสัตว์เสด็จลงจากหลังม้า ประทับยืนที่หาดทรายตรัสสั่งให้นายฉันนะนำอาภรณ์ ของพระองค์กับม้ากัณฐกะกลับไป แล้วพระองค์จักบวช

นายฉันนะทูลขอบวชถึง ๓ ครั้ง แต่พระโพธิสัตว์ก็รับสั่งให้นายฉันนะกลับไป พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า ผมของเราอย่างนี้ ไม่เหมาะแก่สมณะ ทรงจับพระขรรค์อันคมกริบด้วยพระหัตถ์ขวา รวบพระจุฬาพร้อมด้วยพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้ายแล้วตัด เหลือพระเกศาสององคุลีเวียนขวาติดพระเศียร พระเกศาเหล่านั้นก็มีประมาณเท่านั้นจนตลอดพระชนม์ชีพ ส่วนพระมัสสุก็เหมาะแก่ประมาณพระเกศานั้น แต่พระองค์ไม่มีกิจที่จะต้องปลงพระเกศา และพระมัสสุอีกเลย คนช่างคิดก็คิดสงสัยว่า พระผู้มีพระภาคทรงมีหนวดเคราหรือเปล่า แต่ว่าข้อความนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเหลือพระเกศาสององคุลี เวียนขวาติดพระเศียร จนตลอดพระชนม์ชีพ ส่วนพระมัสสุก็เหมาะแก่ประมาณพระเกศานั้น และพระองค์ไม่มีกิจที่จะต้องปลงพระเกศาและพระมัสสุอีกเลย


จากข้อความจึงแสดงว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่ศีรษะโล้น แต่โดยมากพระสาวก ศีรษะโล้น ส่วนพระสาวกบางรูปก็มีผม ดั่งเช่นพระพุทธเจ้า คือ พระเจ้าปุกกุสาติ ที่เสด็จออกบวช ครับ ดังข้อความใน อรรถกถาธาตุวิภังคสูตร ดังนี้

พระราชาทรงสดับเสียงตะโกนแล้วทรงพระราชดำริว่า เราจะธำรงไว้ซึ่งราชสมบัติหรือพระศาสดา. ลำดับนั้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า ประธานและมหาอำมาตย์ของประธานย่อมไม่อาจเพื่อจะนับความที่เราเสวยราชสมบัติได้ เราจักธำรงไว้ซึ่งพระศาสนาของพระศาสดา ดังนี้. ทรงจับพระแสงดาบที่ทรงวางไว้บนพระที่บรรทม ตัดพระเกศาแล้วทรงเปิดพระสีหบัญชร ทรงยังกำพระเกศาพร้อมกับพระจุฑามณีให้ตกลงในท่ามกลางบริษัทว่า ท่านทั้งหลายถือเอากำเกศานี้ครองราชสมบัติเถิด.
มหาชนยกกำพระเกศานั้นขึ้นแล้ว ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าแต่พระสมมติเทพ พระราชาทั้งหลายชื่อว่าได้พระราชบรรณาการจากสำนักพระสหายแล้ว ย่อมเป็นเช่นกับพระองค์. พระเกศาและพระมัสสุประมาณสององคุลีแม้ของพระราชาได้มีแล้ว.
ได้ยินว่า พระเกศาและพระมัสสุเกิดเป็นเช่นกับบรรพชาของพระโพธิสัตว์นั้นแล.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 28 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก สิ่งใดที่เกิดกับพระองค์ ก็เป็นไปตามความเหมาะควรแก่พระองค์ ซึ่งไม่เหมือนบุคคลอื่นทั่วๆ ไป

สิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับพุทธบริษัทก็คือการมีโอกาสได้ฟังคำของพระองค์มีความเข้าใจอย่างถูกต้องและประพฤติตามคำสอนของพระองค์ ซึ่งนั่น ก็คือการบูชาพระองค์อย่างสูงสุด เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริงครับ

...ยินดีในความดีของทุกท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Thanapolb
วันที่ 28 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์เผดิมและอาจารย์คำปั่น​ ยิ่งครับ..

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 30 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เฉลิมพร
วันที่ 9 ก.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ