กายในหมวดกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีนัยถึงรูปกายหรือนามกาย

 
Witt
วันที่  16 มิ.ย. 2564
หมายเลข  34428
อ่าน  583

กราบเรียนถามอาจารย์วิทยากรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า กาย ในกายนุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึงที่ประชุมของรูปที่ยึดถือว่าเป็นกาย

กายานุปัสสนาสติปัฏฏฐาน เป็นการระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย หรือ ที่เคยยึดถือว่าเป็นกายของเรา นั่นก็คือ มหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม ตึง ไหว ซึ่งจะต้องเห็นว่า เป็นเพียงสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่กายของเรา เป็นเพียงรูปธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเท่านั้น

[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 281

คำว่า ในกาย คือ ในรูปกาย. จริงแล้ว รูปกายในที่นั้นท่านประสงค์เอาว่า กาย เพราะอรรถว่า เป็นที่รวมแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ และธรรมทั้งหลายมีผม เป็นต้น เหมือนตัวของช้าง ตัวของรถ เป็นต้น ที่ชื่อว่า กาย เพราะอรรถว่าเป็นที่รวมฉันใด ที่ชื่อว่า กาย เพราะอรรถว่าเป็นแหล่งที่มาของสิ่งที่น่ารังเกียจ ฉันนั้น จริงแล้ว กายนั้น เป็นแหล่งที่มาของสิ่งน่ารังเกียจ คือน่าเกียจอย่างยิ่ง แม้เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่ากาย คำว่าเป็นแหล่งที่มา คือเป็นถิ่นเกิด ใจความของคำในคำว่า เป็นแหล่งที่มานั้น มีดังนี้ ธรรมชาติทั้งหลายมาแต่กายนั้น เหตุนั้นกายนั้นจึงชื่อว่า เป็นแหล่งที่มา อะไรมา สิ่งอันน่าเกลียดทั้งหลายมีผมเป็นต้น ย่อมมา ชื่อว่า อายะ เพราะเป็นแหล่งมาแห่งสิ่งน่าเกลียดทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้ ฯลฯ

........จริงอยู่ในข้อนั้น กายแม้อันใด ที่นับว่าเป็นที่รวมของภูตรูป และอุปาทายรูป มีผมขนเป็นต้น มิใช่พิจารณาเห็นธรรมอย่างหนึ่งที่พ้นจากภูตรูป และอุปาทายรูป ที่แท้พิจารณาเห็นกายเป็นที่รวมอวัยวะน้อยใหญ่ในกายแม้อันนั้น เหมือนพิจารณาเห็นส่วนประกอบของรถฉะนั้น พิจารณาเห็นกายเป็นที่รวมของ ผม ขน เป็นต้น เหมือนพิจารณาเห็นส่วนน้อยใหญ่ของพระนคร พิจารณาเห็นกายเป็นที่รวมของภูตรูป และ อุปาทายรูป เหมือนแยกใบและก้านของต้นกล้วย และเหมือน แบกำมือที่ว่างเปล่าฉะนั้น ฯลฯ

ชออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความในมหาสติปัฏฐานสูตร ที่กล่าวถึง กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน จะมีคำว่า พิจารณาเห็นกาย ในกาย ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจอย่างถูกต้อง ในความเป็นจริงของธรรม ไม่ใช่ตัวตนที่ดู ไม่ใช่ตัวตนที่พิจารณา แต่เป็นกิจหน้าที่ของสติพร้อมปัญญาที่เกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริง ที่เคยยึดถือว่าเป็นกายของเรา เพราะเมื่อมีแต่ธรรมแต่ละหนึ่ง จะเป็นเราหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้อย่างไร ที่ยึดถือว่าเป็นกายของเรา ก็ไม่พ้นไปจากรูปธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเท่านั้น

ควรที่จะได้พิจารณาว่าทุกคนมีกายแน่นอน แต่ว่าก่อนที่ได้ฟังธรรม เรายึดถือว่า กายเป็นของเรา หรือเป็นตัวเรา แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วรู้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาแม้แต่คำว่า ธรรม คำเดียว ก็จะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า เมื่อเป็นธรรมแล้วก็ต้องไม่ใช่เรา

กว่าจะไปถึงสติปัฏฐาน ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นไปได้ ก็เพราะได้ฟังพระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้

กาเย ได้แก่ กายทั้งหมด -- กายา ได้แก่ กายเฉพาะส่วน

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 16 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Witt
วันที่ 16 มิ.ย. 2564

กราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่าน และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Selaruck
วันที่ 20 มิ.ย. 2564

กราบอนุโมทนายิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
lokiya
วันที่ 20 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ