มีความวิตกกังวลล่วงหน้า

 
chedsada
วันที่  10 เม.ย. 2550
หมายเลข  3386
อ่าน  4,732

จะแก้ความวิตกกังวล เป็นห่วงในเรื่องต่างๆ ล่วงหน้า ได้อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 10 เม.ย. 2550

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนว่า ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดที่ล่วงไปแล้วก็เป็นอันล่วงไปแล้ว สิ่งใดที่ยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็ยังไม่เกิด การกังวลถึงอดีตหรืออนาคตไม่มีประโยชน์อันใดเลย ควรกระทำวันนี้ให้ดีที่สุดควรเจริญกุศลทุกประการ และสิ่งที่ควรสะสมควรอบรมมากที่สุด คือ ปัญญา เพราะปัญญาเป็นธรรมที่ประเสริฐที่สุด ผู้ที่มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ชื่อว่า มีชีวิตที่ประเสริฐที่สุดผู้มีปัญญาย่อมเข้าใจความจริงที่ปรากฏ ย่อมไม่เป็นทุกข์กับสิ่งที่ไม่มีสาระ การฟังพระธรรม การพิจารณาธรรม การสนทนาธรรม เป็นหนทางเพื่อการเจริญของปัญญา

ขอเชิญอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ความวิตกกังวล

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สำราญบานตะไท
วันที่ 10 เม.ย. 2550

ความวิตกกังวล คิดมาก เป็นห่วง วิตกจริต และ......... ฯลฯ เป็นลักษณะของโทสะใครเล่าที่ไม่มีโทสะ.....พระอนาคามี และ พระอรหันต์ นั่นเอง ดังนั้นการประพฤติปฏิบัติของปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ เบื้องต้น มิใช่การละโทสะแต่เป็นการอบรมเจริญปัญญา (วิปัสสนา) เพื่อละความเห็นผิดในสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนและก่อนจะ " ละ " ก็ต้อง " รู้ " ก่อน "รู้" คือ รู้จักและเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ทีละเล็ก ทีละน้อย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ท้องฟ้า
วันที่ 10 เม.ย. 2550

ความวิตกกังวลส่วนมากแทบทุกคนจะต้องมี ถ้ามีน้อยๆ จะเป็นสิ่งที่ดีได้เหมือนกันคล้ายๆ กับเราจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ถ้ามีมาก ก็จะกลายเป็นความวิตกจริตเพียงแต่บางครั้งเราควรรู้จักแยกแยะในการนำมาใช้ ก็คงเหมือนความคิดเห็นที่ 2เพราะเราเป็นมนุษย์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 10 เม.ย. 2550

ผู้มีปัญญาแม้จะขัดสนทรัพย์ก็ยังสามารถเป็นอยู่ได้ แต่ผู้ปราศจากปัญญาแม้จะมั่งคั่งด้วยทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่าทรัพย์ทำความดีทุกอย่าง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ผลของความดีย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แวะเข้ามา
วันที่ 11 เม.ย. 2550

ต้องเป็นผู้ที่มีความมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม รวมทั้งความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมทั้งหลาย อนาคตเป็นเรื่องของวิบากของกรรมที่ได้กระทำแล้ว จะให้ผลเมื่อใด อย่างไรไม่มีใครจะล่วงรู้ได้ สุขทุกข์ก็ไม่เที่ยง อกุศลวิบากที่ว่าเผ็ดร้อนรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดไป ขอให้อาจหาญร่าเริงและพร้อมที่จะรับมือกับวิบากกรรมทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะท่านเองเป็นผู้ได้กระทำเหตุเอาไว้แล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 11 เม.ย. 2550

มีความวิตกกังวลล่วงหน้า ควรทำอย่างไรดี ธรรมะข้อใดจะนำมาใช้ได้ ขณะนี้ยังไม่มีปัญหา แต่บางครั้งก็กังวลเรื่องต่างๆ เช่น เวลาแก่แล้วจะมีพอกินพอใช้หรือไม่ ฯลฯกรุณาช่วยแนะนำด้วยครับ?

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 144

[๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณน้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย.

[๘๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล.

[เล่มที่ 21] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 45

ข้อความบางตอนจาก รัฐปาลสูตร

ทรัพย์อะไรๆ ย่อมติดตามคนตายไปไม่ได้ บุตรภรรยาทรัพย์และแว่นแคว้นก็เช่นนั้น บุคคลย่อมไม่ได้อายุยืนด้วยทรัพย์และย่อมไม่กำจัดชราได้ด้วยทรัพย์ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตนี้ว่าน้อยนัก ว่าไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ทั้งคนมั่งมีทั้งคนยากจน ย่อมกระทบผัสสะ ทั้งคนพาล ทั้งนักปราชญ์ ก็กระทบผัสสะเหมือนกัน แต่คนพาล ย่อมนอนหวาดอยู่ เพราะความที่ตนเป็นพาล ส่วนนักปราชญ์อันผัสสะถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว เพราะเหตุนั้นแล ปัญญาจึงประเสริฐกว่าทรัพย์

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
devout
วันที่ 12 เม.ย. 2550

"...บางครั้งก็กังวลเรื่องต่างๆ เช่น เวลาแก่แล้วจะมีพอกินพอใช้หรือไม่..."คงไม่ต้องรอให้ถึงตอนแก่หรอกค่ะ อย่างพรุ่งนี้ เราจะได้รับวิบากเช่นไร มีใครรู้ (จริงๆ) บ้างความตายไม่มีการแจ้งให้รู้ล่วงหน้า ไม่มี final notice เวลาที่สำคัญที่สุดก็คือในขณะนี้ กุศลหรืออกุศลจะเกิด ก็ในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับว่าท่านต้องการจะสะสมอะไร ความวิตกกังวลใจ เป็นกุศลหรืออกุศล?

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ