ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๒

 
khampan.a
วันที่  15 พ.ย. 2563
หมายเลข  33307
อ่าน  1,691

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๒
* *


~ คนฉลาด คนมีปัญญาของชาวโลกมีเยอะ แต่งามไหม ในเมื่อใจไม่ได้รู้ความจริงของสภาพธรรม และไม่สามารถที่จะละคลายกิเลสได้จนดับตามลำดับขั้น เพราะฉะนั้น งามของชาวโลกเยอะเลย ฉลาดของชาวโลกก็เยอะ แต่ก็ไม่ได้ยังหมู่คณะให้งาม เพราะเหตุว่ายังคงเป็นผู้ไม่รู้ความจริง

~ ได้ยินชื่อ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" กราบไหว้ เหมือนรู้จัก แต่ไม่รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น จะชื่อว่ารู้จักพระองค์หรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ผู้ที่เห็นพระคุณของพระองค์ เพราะคุณของพระองค์ ก็คือ พระปัญญาคุณเหนือบุคคลใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าไม่รู้จักคุณที่เป็นปัญญาที่เลิศกว่าบุคคลใดทั้งหมด ก็ไม่สามารถที่จะรู้ว่า นี่คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ พึ่งเครื่องรางของขลัง ไม่มีในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากเหตุ คือ ความดี ต้องให้ผลดี ช้าหรือเร็ว ถ้าเหตุไม่ดี จะให้เกิดผลดี ไม่ได้

~ ฟังแล้ว ไม่ใช่ง่ายที่ใครจะบวช แต่ต้องเห็นว่าเป็นความสูงยิ่ง ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ว่า เป็นชีวิตที่ยากยิ่ง ไม่ใช่ว่าง่ายๆ เพราะฉะนั้น จะมาบวชกันง่ายๆ ขอบวชก็ให้บวชอย่างนั้นหรือ? หรือให้เห็นความยากยิ่งจริงๆ ที่ควรแก่การที่จะเป็นเพศบรรพชิตได้

~ จริงๆ แล้ว ถ้ารู้จักตัวเอง ก็รู้จักทุกคน เพราะอะไร? เพราะเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรมทั้งนั้น ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใคร

~ พระภิกษุเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย ผิดตั้งแต่ต้นแล้วอย่างอื่นจะไม่ผิดหรือ? เพราะพระภิกษุเรียกร้องอะไรไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอนุญาตให้เรียกร้องอะไรหรือเปล่า

~ เป็นภิกษุได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้ละคลายขัดเกลากิเลส ไม่ได้ประพฤติเป็นไปเพื่อการนำกิเลสออก ก็เป็นภิกษุไม่ได้ แต่เข้าใจว่าตนเองเป็นภิกษุ ถ้าสงสัยก็ถามตัวเอง ว่า ภิกษุมีชีวิตอย่างไร เป็นใคร เพื่ออะไร จะตรงกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไหม ความประพฤติทั้งหมด เพื่อนำกิเลสออก แล้วไปเดินขบวนนำกิเลสอะไรออก เพิ่มกิเลสหรือเปล่า? กิเลสไม่สามารถที่จะออกไปได้โดยการไปเดินขบวน

~ บวชแล้วไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าใจธรรม บวชทำไม มีคำตอบไหม

~ บวชแล้วไม่เข้าใจธรรม บวชทำไม แต่เข้าใจธรรม โดยไม่บวชได้

~ รู้ว่าธรรม ยาก ลึกซึ้ง ก็ฟังต่อไป พิจารณาต่อไป เพราะไม่มีใครจะไปทำให้ปัญญาความเข้าใจเกิดขึ้นมากกว่านี้ได้ นอกจากแต่ละครั้งที่ได้ฟังแล้วเป็นผู้ตรง เข้าใจแค่ไหนก็ตามเหตุตามปัจจัย จึงฟังอีก เพราะว่าถ้าไม่ฟังอีก ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจมากกว่านี้ได้

~ หลงชอบในสิ่งที่ไม่มี เพราะดับแล้วไม่เหลือ เห็นไหมว่าความไม่รู้มหาศาลแค่ไหน นำมาซึ่งพฤติกรรมต่างๆ ปรากฏเป็นความวิกฤตต่างๆ เพราะไม่รู้ความจริงว่า ไม่เหลือเลยสักอย่าง อย่างรวดเร็วด้วย ยังเข้าใจว่ามี

~ อกุศลเกิดจากความไม่รู้ จะทำให้รู้ไม่ได้ ไม่ว่าขณะใดที่เป็นอกุศล ไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงได้ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ เป็นปัจจัยให้ทำกุศลแม้เล็กน้อย เพื่อขณะนั้นจะได้ไม่ให้อกุศลเกิดจนมีกำลังขึ้นอีกจากการที่สะสมมาแล้วมาก

~ เราไม่เบียดเบียนเขา แต่อกุศลจิตของเขายังคิดร้ายต่อเรา เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของจิตของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องเห็นโทษของกิเลส ตราบใดที่เขาไม่เห็นว่าอกุศลของเขาเป็นโทษ เขาก็ยังโกรธเรา ยังไม่ชอบเราอยู่นั่นเอง ทั้งๆ ที่ใจของเราไม่ได้ทำร้ายเขาเลย นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า จิตต่างกัน เราเมตตาเขาได้ แต่เขาจะเมตตาเราหรือเปล่า แล้วแต่การสะสมของเขา เราไม่เบียดเบียนเขา แต่เขาจะคิดเบียดเบียนเราหรือเปล่า นั่นก็เป็นเรื่องจิตใจของเขา

~ รู้ว่า ไม่รู้ ดีไหม? ต่อไปยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้ว่า ไม่รู้มากมายมหาศาลแค่ไหนในสังสารวัฏฏ์

~ หลงคิดว่าเป็นเรามานานมาก ไม่มีทางที่จะละความเป็นเรา จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ตามลำดับด้วย

~ หน้าที่ของพุทธบริษัท ก็คือ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถึงจะดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ได้ วิธีรักษาดำรงก็คือต้องเข้าใจคำสอน เมื่อเข้าใจแล้วก็เผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำอย่างอื่นเลยทั้งสิ้น

~ จะส่งเสริมพระพุทธศาสนา แต่ไม่ศึกษา ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา นั่น ไม่ใช่การส่งเสริม แต่เป็นการทำลาย

~ "ไปสำนักปฏิบัติ นั่ง ยืน เดิน ทำนั่น ทำนี่ แล้วจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏได้อย่างไร" การที่กล่าวให้ได้เข้าใจความจริง เป็นการอนุเคราะห์ให้ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ไตร่ตรองว่าคำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไหนไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้ไม่หลงผิด

~ เห็น ยังทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ แล้วจะไปทำให้ปัญญาเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยเหตุ คือ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาจากคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

~ แต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส นำไปสู่ความเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คือ เป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

~ เมื่อถึงคราวที่จุติจิตจะเกิดขึ้นเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ (ตาย) ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีเงินทองมากมายมหาศาล หรือจะมีแพทย์สักกี่คน ก็ไม่สามารถทำให้ไม่ตายได้ และเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีกเลย

~ ถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องและมีความหวังดี กล่าวคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว กลัวอะไร ไม่มีอะไรที่จะน่ากลัว เพราะกุศลทั้งหลาย นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๑



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 15 พ.ย. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Khemsai
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ

และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ได้ฟังท่านอาจารย์กล่าวว่า

"พเนจร ร่อนเร่ ในแต่ละชาติ โดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังพระธรรมแต่ละคำ เมื่อเข้าใจ คือสิ่งที่มีค่ายิ่ง" พิจารณาเห็นโทษของความไม่รู้ ว่า น่ากลัวที่สุด ความไม่รู้ พาไปร่อนเร่ ในภพที่ทุกข์แสนทุกข์ คืออบายภูมิได้ง่ายเหลือเกิน และเมื่อไปแล้วมีแต่ทางที่จะเสื่อมลง จึงเห็นประโยชน์ของการได้ศึกษาพระธรรมในทุกวันที่ยังมีชีวิตค่ะ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthayapinthong339
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 16 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 16 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Kalaya
วันที่ 16 พ.ย. 2563

เมื่อได้เรียน ได้ฟัง เกิดความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ ณ ขณะนี้ เป็นความจริงที่ไม่เคยได้รู้ ได้ฟังมาก่อน ขอกราบบูชาคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตน์ที่ท่านกล่าว ธรรมเป็น ความจริงอันประเสริฐ กราบเท้าอาจารย์ชุมพร ตันตยานนท์กุล ณ บ้านธัมมะลำพูนที่ท่านอนุเคราะห์กล่าวปรมัตถธรรม ให้ข้าพเจ้าได้ฟังและเรียนรู้เกิดความเข้าใจขึ้นบ้าง และมีชีวิตที่ได้พบพระธรรมที่เป็นโอกาสดีที่สุด ไม่มีความรู้ใดใดหาเทียบได้ เมื่อเข้าใจแล้วว่าชีวิตคือธรรมะมีทุกขณะ ตามที่พุทธองค์ท่านตรัสรู้มา ๔๕ พรรษาเพื่อขัดเกลากิเลสที่สะสมมาเท่าภูเขาแต่พึ่งรู้บ้างค่ะ

กราบบูชาท่านทั้งสองค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
มกร
วันที่ 16 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 16 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
มังกรทอง
วันที่ 20 ส.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ