ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๕

 
khampan.a
วันที่  6 ธ.ค. 2563
หมายเลข  33390
อ่าน  1,439

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๕
* *



~ ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นย่อมกำจัดอกุศล เช่น เวลาที่เกิดโกรธขึ้นมา เป็นอกุศล แต่พอเปลี่ยนจากโกรธเป็นความเมตตา เพราะระลึกได้ว่า ความโกรธเป็นอกุศล เป็นโทษ เป็นศัตรูผู้ทำร้ายจิต เป็นศัตรูที่ใกล้ชิดที่สุด คือ ไม่ใช่ศัตรูภายนอก แต่เป็นศัตรูภายใน และเมื่อรู้อย่างนี้ก็เกิดเมตตา แทนที่จะเกิดโทสะหรือปฏิฆะ (กระทบกระทั่ง) ขึ้น ขณะนั้นก็กำจัดอกุศล เวลาที่กุศลเกิด ไม่ว่าจะเป็นทาน ก็กำจัดอกุศล คือ ความตระหนี่ เวลาที่กุศลจิตเกิดเป็นศีล ขณะนั้น ก็กำจัดอกุศล คือ การเบียดเบียนประทุษร้าย เพราะฉะนั้น ธรรมชาติของกุศล มีกิจที่กำจัดอกุศล

~ ถ้าจะสังเกตลักษณะของจิต ในขณะที่เป็นกุศล จะทราบได้ว่า ขณะนั้นเป็นสภาพของจิตที่สะอาดหรือว่าผ่องแผ้ว ปราศจากความเดือดร้อนใจหรือว่าปราศจากความเศร้าหมองด้วยโลภะหรือด้วยโทสะ หรือโมหะ ในขณะนั้นก็มีความผ่องแผ้วเป็นอาการปรากฏ

~
เป็นความจริงที่ว่า อกุศลเกิดง่าย เกิดเร็ว เกิดมาก แต่กุศลนี้เกิดยากและเกิดน้อย แสดงให้เห็นว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แม้อกุศลซึ่งเกิดง่าย เกิดเร็ว เกิดมาก ก็เป็นเพราะเหตุว่า มีปัจจัยที่จะให้อกุศลเกิดมาก เกิดง่าย เกิดเร็ว หรือ กุศลที่จะเกิด ก็เป็นอนัตตา ถ้าไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัยแล้ว กุศลก็เกิดไม่ได้

~
อย่าลืมว่า ไม่เคยอยู่คนเดียว เพราะว่ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้วยใกล้ชิดที่สุด ไม่ห่างเลย คือ โลภะ จริงหรือเปล่า? อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่เข้าใจว่าอยู่คนเดียว ลองคิดดูว่า ในขณะนั้น ใจคิดถึงอะไรบ้าง นึกถึงใครบ้าง นึกถึงเรื่องอะไรบ้าง แล้วจะกล่าวว่าอยู่คนเดียวได้อย่างไร

~
ถึงเวลาจริงๆ ที่กรรมจะให้ผล แม้ไม่มีบุคคลอื่นจะทำร้ายหรือจะทำอันตราย กรรมย่อมทำให้ผลของกรรมเกิดขึ้น เคยตกบันไดไหม? ใครทำให้? ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นเลย และอาจจะมีการเจ็บปวดยิ่งกว่าการตกบันได ซึ่งท่านทำเองหรือว่าเกิดขึ้นด้วยตัวของท่านเอง ไม่ใช่บุคคลอื่นทำให้ แต่ถ้าบุคคลอื่นทำให้ ท่านก็พิจารณาว่าเป็นเพราะคนอื่น แต่ลืมว่าเป็นเพราะกรรมของตน แต่ว่าเวลาที่แม้บุคคลอื่นไม่ได้ทำ แต่ก็ยังมีอกุศลวิบากเกิดขึ้นได้ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ย่อมเป็นเพราะผลของกรรมของตนเอง

~
ไม่มีใครทราบว่า พรุ่งนี้หรือขณะต่อไป กรรมใดจะให้ผล ทุกท่านยังแข็งแรงในขณะนี้ ใครจะทราบว่า พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุ คือ กุศลกรรมหรืออกุศลกรรม เพราะฉะนั้น หนทางที่ดีที่สุด คือ เป็นผู้ที่ไม่ประมาทที่จะเจริญกุศลทุกประการเท่าที่สามารถจะกระทำได้

~
หลายท่านกำลังสนใจที่จะศึกษาพระปริยัติ แต่อย่าลืมพิจารณาจุดประสงค์ของการศึกษาว่าเพื่ออะไร ถ้าเป็นการศึกษาที่ผิดทาง คือเรียนเพราะต้องการที่จะข่มคนอื่น เป็นต้น การเรียนปริยัตินั้น ชื่อว่า “อลคัททูปมา” เพราะเหมือนการจับงูข้างหาง ซึ่งงูนั้นย่อมกัด เมื่อเรียนแล้วข่มคนอื่นว่าเป็นผู้รู้ดีหรือรู้มาก ขณะนั้นไม่ได้ขัดเกลากิเลสเลย


~ แค่คำว่าธรรม (สิ่งที่มีจริง) และคำว่าอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน) เท่านี้ เป็นคำที่จะนำไปสู่ความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงๆ ทุกขณะ ไม่ขาดเลย ธรรม มีจริงๆ ความจริงของธรรม เปลี่ยนไม่ได้ด้วย

~ ต้องเข้าใจจริงๆ ถึงภัยคือความน่ากลัวของอกุศล เกิดแล้วก็ไม่ได้ทำให้สบายเลย น่ากลัวคือทำร้ายจิตให้ขุ่นมัวให้เศร้าหมอง และถ้าเป็นการกระทำที่สำเร็จเป็นกรรมที่เป็นอกุศลผลก็ยิ่งมากกว่านั้น

~ บางคนคิดว่า เราทำได้ เรามีสติ นั่นหรือรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า? ประมาทไหม? พระองค์ไม่ได้สอนอย่างนั้น เขาก็ไปสอนให้ทำ แล้วใครจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น การที่เข้าใจผิดทั้งหมดเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดจากการตรัสรู้ความจริงของทุกอย่าง

~ ความดีเปลี่ยนไม่ได้ ความดีก็ต้องเป็นความดี และความดีเท่านั้นที่จะนำผลที่ดีมาให้ จะหวาดหวั่นจะกลัวอะไร ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย แต่น่ากลัวมากถ้าไม่รู้ความจริงและทำลายคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงความจริง (เขาผู้ไม่รู้) ไม่ให้คนอื่นได้เข้าใจถูก ซึ่งเป็นการทำลายชีวิตของคนที่หลงผิดไปทั้งหมดที่ไม่สามารถที่จะเข้าใจถูกต้องได้

~ เป็นประโยชน์ไหมที่จะได้รู้ความจริงว่า “พระภิกษุทำเครื่องรางของขลัง ทำวัตถุมงคลไม่ได้” ผิดวินัยบัญญัติ ไม่ใช่ชีวิตของพระภิกษุในพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นสิ่งที่ผิด ทำผิด แล้วจะเคารพไหม?

~ ก็ดีที่จะได้รู้ความจริงก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เพราะเหตุว่ายากที่ใครจะได้รู้ความจริง ต้องเป็นคนตรงอย่างยิ่ง สิ่งใดผิด จะเป็นถูกไม่ได้เลย และสิ่งใดถูก ก็จะเป็นผิดไม่ได้

~ ถ้าประเทศชาติ มีคนดี เข้าใจถูกต้อง ก็ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียหายจากการสร้างสำนักปฏิบัติเป็นร้อยล้าน หลายร้อยล้านหรือว่าวัดวาอาราม แต่ว่า ไม่มีพระธรรม ไม่มีการสอนธรรม ไม่มีการแสดงธรรมเลย กลับกลายเป็นที่ท่องเที่ยว สมควรหรือที่จะให้วัดเป็นที่ท่องเที่ยว? วัดคืออะไรและพระอยู่ที่ไหน? เพราะว่าจริงๆ แล้ว อาราม เป็นที่อยู่ของผู้สงบและยินดียิ่งในพระธรรมที่ทำให้เกิดความสงบที่แท้จริง

~ ต้องไตร่ตรอง ต้องคิดว่า อะไรถูก อะไรผิด แล้วสิ่งที่ผิด ควรหรือ? จะนำความสงบมาให้หรือ? จะนำสิ่งต่างๆ ที่ดีมาให้จริงหรือ นอกจากนำโทษมาให้

~ เรากำลังสนทนาธรรมของใคร? (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) เป็นประโยชน์ไหมที่จะรู้ว่าไม่มีใครรู้ความจริงยิ่งกว่าพระองค์ ไม่มีใครเปรียบได้ในพระปัญญาคุณ ทุกคำเป็นประโยชน์เมื่อเราไตร่ตรองและเห็นประโยชน์ พระองค์ไม่ให้เกิดความเห็นผิดใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะความเห็นผิดไม่ได้เป็นมงคล ไม่ได้นำความสุขความเจริญอะไรมาให้เลย แล้วก็หลงเชื่อมัวเมาในความเห็นผิด จะเป็นโทษแค่ไหน

~ สมัยพุทธกาล ยากแสนยากหรือเปล่า ท่ามกลางความเห็นผิดต่างๆ นานาของพวกเดียรถีย์ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์คนที่สามารถที่จะเข้าใจได้ ถ้าใครที่ฟังธรรมแล้วไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ พระองค์ก็ตรัสว่าแล้วเราจะทำอะไรเขาได้ เห็นไหม ยืนยันความเป็นอนัตตาโดยตลอด แต่สำหรับคนที่เข้าใจได้ มี ถึงวันนี้เราก็ทำอย่างนั้น หมายความว่า คนที่ฟังแล้วไตร่ตรองเข้าใจได้ ก็มี สมควรไหมที่จะได้ฟัง เช่น คุณอัครา ลาภาพัฒนวณิชย์ เป็นต้น ก็เป็นประโยชน์แล้วหนึ่งคน ก็ยังดี ยิ่งหลายๆ หนึ่ง ก็ยิ่งดี มิใช่หรือ ประเทศชาติก็ย่อมเจริญ เพราะเหตุว่า ไม่มีการทุจริตคดโกงหรือไม่มีการหลงมัวเมาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เช่น เครื่องรางของขลัง

~ ไม่มีในพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุทำเครื่องรางของขลัง ถ้าใครพบ ขอเชิญนำหลักฐานมาว่าทรงบัญญัติอนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ให้คนไม่รู้ความจริง ไม่ใช่ให้คนหลงงมงาย ไม่ใช่ให้คนไม่มีเหตุผล

~ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ทำอะไรได้ทั้งหมด ที่ไม่ถูก

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๔



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kusonchaowana1122
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

กราบอนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthayapinthong339
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
petsin.90
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

กราบขอบพระคุณ กราบอนุโมทนาและยินดีในความดีทุกประการค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เจียมจิต
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nattawan
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kukeart
วันที่ 8 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 8 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
sanit99141@gmail.com
วันที่ 12 ธ.ค. 2563

ขอบคุณและอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ