เรื่องนางลาชเทวธิดา

 
chatchai.k
วันที่  13 พ.ย. 2563
หมายเลข  33289
อ่าน  1,262

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 11

๓. เรื่องนางลาชเทวธิดา [๙๗]

ขอความเบื้องตน

พระศาสดา เมื่อประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภนางลาชเทวธิดา ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา "ปุฺญฺเจ ปุริโส กยิรา" เปนตน

เรื่องเกิดขึ้นแลวในเมืองราชคฤห หญิงถวายขาวตอกแกพระมหากัสสป ความพิสดารวา ทานพระมหากัสสป อยูที่ปปผลิคูหา เขาฌาณ แลว ออกในวันที่๗ ตรวจดูที่เที่ยวไปเพื่อภิกษาดวยทิพยจักษุ เห็น หญิงรักษานาขาวสาลีคนหนึ่ง เด็ดรวงขาวสาลีทําขาวตอกอยู พิจารณาวา "หญิงนี้มีศรัทธาหรือไมหนอ" รูวา "มีศรัทธา" ใครครวญวา "เธอ จักอาจ เพื่อทําการสงเคราะหแกเราหรือไมหนอ" รูวา "กุลธิดาเปน หญิงแกลวกลา จักทําการสงเคราะหเรา ก็แลครั้นทําแลว จักไดสมบัติ เปนอันมาก" จึงครองจีวรถือบาตร ไดยืนอยูที่ใกลนาขาวสาลี กุลธิดา พอเห็นพระเถระก็มีจิตเลื่อมใส มีสระรีอันปติ ๕ อยางถูกตองแลวกลาววา นิมนตหยุดกอน เจาขา "ถือขาวตอกไปโดยเร็ว เกลี่ยลงในบาตรของ พระเถระแลว ไหวดวยเบญจางค ประดิษฐไดทําความปรารถนาวา "ทาน เจาขา ขอดิฉันพึงเปนผูมีส่วนแหงธรรมที่ทานเห็นแลว" จิตเลื่อมใสในทานไปเกิดในสวรรค

พระเถระไดทําอนุโมทนาวา "ความปรารถนาอยางนั้น จงสําเร็จ "ฝายนางไหวพระเถระแลว พลางนึกถึงทานที่ตนถวายแลวกลับไป. ก็ใน คําวา เบญจางคประดิษฐแปลวา ตั้งไวเฉพาะซึ่งองค๕ หมายความวา ไหวไดองค ๕ คือ หนาผาก ๑ ฝามือทั้ง ๒ และเขาทั้ง ๒ จดลงที่พื้น จึงรวมเปน ๕. หนทางที่นางเดินไป บนคันนา มีงูพิษรายนอนอยูในรูแหงหนึ่ง งูไม อาจขบกัดแขงพระเถระอันปกปดดวยผากาสายะได. นางพลางระลึกถึง ทานกลับไปถึงที่นั้น. งูเลื้อยออกจากรู กัดนางใหลมลง ณ ที่นั้นเอง นางมีจิตเลื่อมใส ทํากาละแลว ไปเกิดในวิมานทองประมาณ ๓๐ โยชน ในภพดาวดึงส มีอัตภาพประมาณ ๓ คาวุต ประดับเครื่องอลังการทุกอยาง เหมือนหลับแลวตื่นขึ้น.

วิธีทําทิพยสมบัติใหถาวร

นางนุงผาทิพยประมาณ ๑๒ ศอกผืนหนึ่ง หมผืนหนึ่ง แวดลอม ดวยนางอัปสรตั้งพัน เพื่อประกาศบุรพกรรม จึงยืนอยูที่ประตูวิมาน อันประดับดวยขันทองคํา เต็มดวยขาวตอกทองคําหอยระยาอยู ตรวจดู สมบัติของตน ใครครวญดวยทิพยจักษุวา "เราทํากรรมสิ่งไรหนอ จึง ไดสมบัตินี้" ไดรูวา "สมบัตินี้เราไดแลว เพราะผลแหงขาวตอกที่เรา ถวายพระผูเปนเจามหากัสสปเถระ" นางคิดวา "เราไดสมบัติเห็นปานนี้ เพราะกรรมนิดหนอยอยางนี้ บัดนี้เราไมควรประมาท เราจักทําวัตร ปฏิบัติแกพระผูเปนเจา ทําสมบัตินี้ใหถาวร" จึงถือไมกวาด และกระเชา สําหรับเทมูลฝอยสําเร็จดวยทองไปกวาดบริเวณของพระเถระ แลวตั้งน้ํา ฉันน้ําใชไวแตเชาตรู

พระเถระเห็นเชนนั้น สําคัญวา "จักเปนวัตรที่ภิกษุหนุมหรือสามเณร บางรูปทํา" แมในวันที่๒ นางก็ไดทําอยางนั้น. ผายพระเถระก็สําคัญ เชนนั้นเหมือนกัน. แตในวันที่๓ พระเถระไดยินเสียงไมกวาดของนาง คาวุต ๑ ยาวเทากับ ๑๐๐ เสน. และเห็นแสงสวางแหงสรีระฉายเขาไปทางชองลูกดาล จึงเปดประตู (ออก มา) ถามวา "ใครนั่น กวาดอยู"

นาง ทานเจาขา ดิฉันเอง เปนอุปฏฐายิกาของทาน ชื่อลาชเทวธิดา

พระเถระ อันอุปฏฐายิกาของเรา ผูมีชื่ออยางนั้น ดูเหมือนไมมี

นาง ทานเจาขา ดิฉัน ผูรักษานาขาวสาลี ถวายขาวตอกแลว มีจิต เลื่อมใสกําลังกลับไป ถูกงูกัด ทํากาละแลว บังเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส ทานเจาขา ดิฉันคิดวา "สมบัตินี้เราไดเพราะอาศัยพระผูเปนเจา แมใน บัดนี้ เราจักทําวัตรปฏิบัติแกทาน ทําสมบัติใหมั่นคง, จึงไดมา"

พระเถระ ทั้งวานนี้ทั้งวานซืนนี้ เจาคนเดียวกวาดที่นี่. เจาคน เดียวเขาไปตั้งน้ําฉันน้ําใชไวหรือ

นาง อยางนั้น เจาขา

พระเถระ จงหลีกไปเสีย นางเทวธิดา, วัตรที่เจาทําแลว จงเปนอันทําแลว, ตั้งแตนี้ไป เจาอยามาที่นี้ (อีก)

นาง อยาใหดิฉันฉิบหายเสียเลย เจาขา ขอพระผูเปนเจา จงให ดิฉันทําวัตรแกพระผูเปนเจา ทําสมบัติของดิฉันใหมั่นคงเถิด

พระเถระ จงหลีกไป นางเทวธิดา เจาอยาทําใหเราถูกพระธรรมกถึกทั้งหลาย นั่งจับพัดอันวิจิตร พึงกลาวในอนาคตวา ไดยินวา นางเทวธิดาผูหนึ่ง มาทําวัตรปฏิบัติ เขาไปตั้งน้ําฉัน น้ําใชเพื่อพระมหากัสสปเถระ แตนี้ไป เจาอยามา ณ ที่นี้ จงกลับไปเสีย

นางจึงออนวอนซ้ําๆ อีกวา "ขอทานอยาใหดิฉันฉิบหายเลย เจาขา" พระเถระคิดวา "นางเทวธิดานี้ไมเชื่อฟงถอยคําของเรา" จึงปรบ มือดวยกลาววา "เจาไมรูจักประมาณของเจา" นางไมอาจดํารงอยูในที่นั้นได เหาะขึ้นในอากาศ ประคองอัญชลี ไดยืนรองไห (คร่ําครวญอยู) ในอากาศวา "ทานเจาขา อยาใหสมบัติ ที่ดิฉันไดแลวฉิบหายเสียเลย จงใหเพื่อทําใหมั่นคงเถิด" บุญใหเกิดสุขในภพทั้งสอง

พระศาสดา ประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงสดับเสียงนาง เทวธิดานั้นรองไห ทรงแผพระรัศมีดุจประทับนั่งตรัสอยูในที่เฉพาะหนา นางเทวธิดา ตรัสวา "เทวธิดา การทําความสังวรนั่นเทียว เปนภาระ ของกัสสปผูบุตรของเรา แตการกําหนดวา นี้เปนประโยชนของเรา แลวมุงกระทําแตบุญ ยอมเปนภาระของผูมีความตองการดวยบุญ ดวยวา การทําบุญเปนเหตุใหเกิดสุขอยางเดียว ทั้งในภพนี้ ทั้งในภพหนา" ดังนี้ เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้วา ปุฺฺเจ ปุริโส กยิรา กยิราเถน ปุนปฺปุน ตมฺหิ ฉนฺท กยิราถ สุโข ปุฺสฺส อุจฺจโย "ถาบุรุษพึงทําบุญไซร พึงทําบุญนั้นบอยๆ พึง ทําความพอใจในบุญนั้น เพราะวา ความสั่งสมบุญ ทําใหเกิดสุข"

แกอรรถ

เนื้อความแหงพระคาถานั้นวา "ถาบุรุษพึงทําบุญไซร. ไมพึง งดเวนเสียดวยเขาใจวา "เราทําบุญครั้งเดียวแลว พอละ ดวยบุญเพียง เทานี้ พึงทําบอยๆ แมในขณะทําบุญนั้น พึงทําความพอใจคือความ ชอบใจ ไดแกความอุตสาหะในบุญนั่นแหละ. ถามวา "เพราะเหตุไร" วิสัชนาวา เพราะวาความสั่งสมบุญใหเกิดสุข อธิบายวา เพราะวา ความสั่งสมคือความพอกพูนบุญ ชื่อวาใหเกิดสุข เพราะเปนเหตุนําความ สุขมาใหในโลกนี้และโลกหนา

ในกาลจบเทศนา นางเทวธิดานั้น ยืนอยูในที่สุดทาง ๔๕ โยชน นั่นแล ไดบรรลุโสดาปตติผลแลว ดังนี้แล

เรื่องนางลาชเทวธิดา จบ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 13 พ.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ