การฟังธรรมของสัตว์เดรัจฉานในชาดกต่างๆ

 
Avitathata
วันที่  1 พ.ย. 2563
หมายเลข  33211
อ่าน  698

กราบเรียน ทีมงานบ้านธัมมะค่ะ

ขอท่านช่วยอธิบายเพื่อคลายความข้องใจในเรื่องที่เกี่ยวกับหลายๆ ชาดก ที่ได้กล่าวถึง สัตว์เดรัจฉาน ที่ได้มีโอกาสฟังพระธรรม

ซึ่งตามที่เคยเข้าใจ คือการได้เกิดเป็นมนุษย์ ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะมีโอกาสได้ฟัง พระธรรม ได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรม (แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาที่จะมีโอกาสอันประเสริฐนี้)

แม้คนที่เกิดมามีโอกาสได้ฟังพระธรรม ก็ยังมีความแตกต่างกันในด้านของภาษา เพราะอยู่กันคนละประเทศ ยังต้องอาศัยการแปลจากผู้ที่ชำนาญในภาษา จึงจะสามารถทำให้คนในชาติต่างๆ เข้าใจพระธรรมในภาษาของตน

แต่สัตว์เดรัจฉาน ไม่มีใครแปลภาษาที่จะทำให้สัตว์นั้นเข้าใจในธรรมะได้ ในจุดนี้จึงเกิดความสงสัยค่ะ อยากให้ท่านช่วยอธิบาย

กราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 1 พ.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔
หน้าที่ ๔๕๑

ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้วเป็นผู้จำแนกธรรม และธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดง นำความสงบมาให้ เป็นไปเพื่อปรินิพพาน ให้ถึงการตรัสรู้ อันพระสุคตเจ้าประกาศแล้ว แต่บุคคลผู้นี้เข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มิใช่ขณะ มิใช่สมัยในการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์


[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓- หน้า ๓๑๕

ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป ภิกษุเหล่านั้นเป็นค้างคาวหนูห้อยอยู่ที่เงื้อมแห่งหนึ่ง เมื่อพระเถระ ๒ รูป จงกรมแล้ว ท่องอภิธรรมอยู่ ได้ฟังถือเอานิมิตในเสียงแล้ว ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า "เหล่านั้น ชื่อว่าขันธ์ เหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ" ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในเรือนตระกูล ในกรุงสาวัตถี เกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์ บวชในสำนักของพระเถระแล้ว ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อน กว่าภิกษุทั้งปวง แม้พระศาสดาก็ทรงแสดงอภิธรรมโดยทำนองนั้นแล ตลอด ๓ เดือนนั้น.


สัตว์ดิรัจฉาน เกิดด้วยผลของอกุศลกรรม ปฏิสนธิจิต ไม่มีสภาพธรรมฝ่ายดีใดๆ เกิดร่วมด้วยได้เลย ไม่มีอโลภะ อโทสะ และ อโมหะ เกิดร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย แต่สัตว์ดิรัจฉาน ก็มีกุศลจิตเกิดได้ ตามสมควร แม้ในการฟังพระธรรม อย่างเช่น ค้างคาว ที่ฟังพระเถระ ๒ รูป สาธยายพระอภิธรรม ก็เป็นการถือนิมิตในเสียง เพราะเคยสะสมการได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว กุศลจิตสามารถเกิดขึ้นได้ หรือ แม้แต่ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมแก่ชนชาวนครจำปา อยู่ที่ริมฝั่งสระโบกขรณี ชื่อ คัคครา กบตัวหนึ่งได้ถือเอานิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคเจ้า กุศลจิตสามารถเกิดขึ้นเป็นไปได้ในขณะนั้น

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้

กบฟังธรรมของพระพุทธเจ้าได้เป็นเทพบุตร [มหาวิภังค์]

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ คือ ขณะนี้ ได้เกิดเป็นมนุษย์ และ พระธรรมยังดำรงอยู่ ก็ควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง เข้าใจพระธรรมตามกำลังปัญญาของตนๆ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 1 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Avitathata
วันที่ 2 พ.ย. 2563

กรรม และผลของกรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ นะคะ สัตว์เดรัจฉาน ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม แม้จะไม่เข้าใจความหมายของ..คำ แต่มีจิตเป็นกุศลขณะได้ยินเสียง เพราะเคยสะสมการฟังมาในอดีต ก็เป็นเหตุให้ได้รับกุศลวิบาก

ขอขอบพระคุณ อ.คำปั่น ที่กรุณาอธิบายข้อสงสัยนี้จนได้รับความกระจ่างค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Witt
วันที่ 6 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ