[คำที่ ๒๒๒] รตน

 
Sudhipong.U
วันที่  26 พ.ย. 2558
หมายเลข  32342
อ่าน  914

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “รตน”

คำว่า รตน เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านตามภาษาบาลีว่า ระ - ตะ - นะ] เขียนเป็นไทยได้ว่า รัตนะ หมายถึง สิ่งที่มีค่า สิ่งที่ประเสริฐ  ข้อความจาก ปรมัตถโชติกา อรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ รัตนสูตร แสดงความหมายของรัตนะไว้ว่า

“สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่บุคคลทำการบูชา มีค่ามาก ชั่งไม่ได้ พบเห็นได้โดยยาก และไม่ใช่เป็นของที่สัตว์ต่ำต้อยบริโภค เพราะเหตุนี้ เราจึงเรียกว่า   รัตนะ” 

ในที่นี้จะขอนำเสนอในนัยที่มุ่งหมายถึง รัตนะ ๓ ได้แก่ พระพุทธรัตนะ พระธัมมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่า เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ไม่มีสิ่งใดจะเสมอเหมือน และผู้ที่จะเห็นคุณของพระรัตนตรัยได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา เพราะบุคคลผู้ไม่มีปัญญาไม่สามารถเห็นคุณของพระรัตนตรัยได้เลย.


รัตนะ หมายถึง สิ่งที่มีค่า สิ่งที่ประเสริฐอย่างสูงสุดไม่มีสิ่งใดจะเสมอเหมือน ก็คือ รัตนะทั้ง ๓ ได้แก่ พระพุทธรัตนะ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้รู้ตาม ธัมมรัตนะ คือ พระธรรมที่จะนำไปสู่การดับกิเลสตามลำดับขั้น และ สังฆรัตนะ คือ พระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นพระสาวกผู้ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ดับกิเลส เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ

แต่ละคนคงจะเคยได้ยินคำว่าพระรัตนตรัยมาตั้งแต่ยังเด็กและรู้ว่าหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด แต่ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมจะไม่เข้าใจเลยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ประเสริฐอย่างไร บางคนถึงกับคิดว่าพระองค์จะบันดาลสิ่งที่ขอได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราพึ่งอะไรในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้คือ สิ่งที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง

ตามความเป็นจริงแล้วถ้าจะพึ่งความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ๆ ก็ต้องพึ่งพระคุณทั้ง ๓ ของพระองค์ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ เราต้องพึ่งพระปัญญาคุณของพระองค์ เพราะเหตุว่าเราไม่สามารถที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ด้วยตัวเอง ถ้าพระองค์ไม่ตรัสรู้ด้วยพระปัญญาซึ่งทำให้พระองค์ทรงบริสุทธิ์ถึงระดับที่เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและทรงพระมหากรุณาแสดงความจริง   ซึ่งแม้แต่จะมีบุคคลเพียงคนเดียวที่ได้อบรมเจริญปัญญามาแล้วและสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้แม้บุคคลนั้นจะอยู่แสนไกลพระองค์ก็เสด็จไปโปรด เพื่อทรงอนุเคราะห์ให้บุคคลนั้นได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกที่ประเสริฐยิ่งกว่าการที่จะทำให้บุคคลที่สะสมปัญญามาแล้วและมีปัญญามากพอที่จะสามารถเข้าใจสภาพธรรมได้ถูกต้องจนสามารถที่จะดับกิเลสได้  ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากแสนยากที่จะอนุเคราะห์ได้เพราะถ้าไม่ใช่ปัญญาก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลสและพ้นจากสังสารวัฏฏ์ได้  ด้วยเหตุนี้แม้หนทางจะไกลแสนไกลก็เสด็จไปโปรดเพื่อทรงอนุเคราะห์บุคคลนั้น นี่คือ พระมหากรุณาคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่มีทางที่จะเห็นพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ถ้าคิดว่าจะเข้าใจธรรมโดยไม่ฟังพระธรรม นั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะผู้ที่นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่ศึกษาพระธรรม มิฉะนั้น กล่าวไม่ได้เลย ว่าเป็นผู้ที่นับถือพระองค์เพราะเราไม่รู้จัก เราไม่รู้ว่าพระองค์ทรงสอนอะไร อันเนื่องมาจากว่าเราไม่ได้ศึกษาในสิ่งที่พระองค์ทรงสอน นั่นเอง

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาจึงจะสามารถรู้คุณของพระรัตนตรัยและมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้ แม้แต่ธรรมรัตนะซึ่งหมายถึงธรรมที่เป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ความจริงดับกิเลสตามลำดับขั้น (โพธิปักขิยธรรม) ซึ่งรวมทั้งปริยัติธรรม คือ การศึกษาพระธรรมด้วย นั้น บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นผู้ที่ข้ามพ้นจากการเป็นปุถุชน สู่ความเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับนั้น ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษา พระธรรม อบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจจธรรม อย่างนี้จึงจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง เพราะว่า ถ้าบุคคลใด เพียงแต่ให้ทาน รักษาศีล หรือมีปัญญาระดับของฌาน คือ ความสงบของจิตแม้สงบจนถึงระดับที่ทำให้เกิดในพรหมโลก ก็ยังกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ ยังมีโลภะ  โทสะ โมหะ และกิเลสทั้งหลายเพราะว่ายังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง

บุคคลผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมจริง ๆ ก็จะเริ่มเห็นพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นคุณของพระธรรม และเห็นคุณของพระอริยสงฆ์ซึ่งเป็นพระสาวกที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จากการที่ได้เข้าใจพระธรรม นั่นเอง เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม มิฉะนั้น ก็เป็นเพียงความเชื่อว่า มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลามีทุกข์ก็ขอให้พ้นทุกข์ อย่างนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด อย่างนั้น ไม่ใช่การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถ้าเป็นอย่างนั้นซึ่งไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏฏ์ด้วยการไม่รู้จักพระคุณของพระรัตนตรัยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม   ความเข้าใจก็จะค่อยๆเจริญขึ้นตามลำดับ.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ