[คำที่ ๙๓] ธมฺมคุณ‏

 
Sudhipong.U
วันที่  6 มิ.ย. 2556
หมายเลข  32213
อ่าน  364

ภาษาบาลี ๑ คำ  คติธรรมประจำสัปดาห์   ธมฺมคุณ

คำว่า ธมฺมคุณ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง มีคำสองคำรวมกัน คือ คำว่า ธมฺม  (สิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) รวมกับคำว่า คุณ (ประโยชน์,คุณค่า)  แปลรวมกันได้ว่า คุณของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง, พระธรรมทำให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้รับประโยชน์ตามกำลังปัญญาของแต่ละคน ดังตัวอย่างของบุคคลผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม คือ ท่านพระอุบาลีเถระ (พระอรหันต์ผู้เลิศในด้านทรงพระวินัย) ซึ่งท่านได้กล่าวว่า     

ชายผู้กล้าหาญ  ถูกยาเบื่อ เขาจะเสาะแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ ที่จะแก้ยาเบื่อ รักษาชีวิตไว้ เมื่อแสวงหา ก็จะพบยาขนานศักดิ์สิทธิ์ที่แก้ยาเบื่อได้ ครั้นดื่มยานั้นแล้ว  ก็จะสบาย เพราะรอดพ้นไปจากพิษยาเบื่อ ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นเหมือนนรชนผู้ถูกยาเบื่อ ถูกอวิชชาบีบคั้นแล้ว ต้องแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือ พระสัทธรรม เมื่อแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือ พระธรรม ก็ได้พบคำสั่งสอนของพระศากยมุนี คำสั่งสอนนั้นล้ำเลิศกว่าโอสถทุกอย่าง บรรเทาลูกศร (คือกิเลส) ทั้งมวลได้ ครั้นดื่มธรรมโอสถที่ถอนพิษทุกอย่างได้แล้ว ข้าพระองค์ก็สัมผัสพระนิพพาน ที่ไม่แก่ ไม่ตาย มีภาวะเยือกเย็น

(ข้อความบางตอนจาก... ปรมัตถทีปนี อรรถกถาขุททกนิกาย  เถรคาถา  อุบาลีเถรคาถา)

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยแล้วดับไป ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่สภาพธรรม คือ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และ  รูป(สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร) เท่านั้น ทั้งหมดนั้นเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ควรรู้ควรเห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา ไม่จำกัดว่าจะเป็นเมื่อใด แต่จะรู้ได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระองค์ ที่ทรงเรียกให้พุทธบริษัทมาดูความจริงอันเป็นสิ่งที่ควรรู้ ควรเห็น

เพราะไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงหลงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน กิเลสทั้งหลาย มีความไม่รู้และตัณหา เป็นต้น เป็นเหตุทำให้เกิดทุกข์มากมายในสังสารวัฏฏ์ หนทางที่จะขัดเกลาละคลายความไม่รู้ ตลอดจนถึงกิเลสประการอื่นๆ ก็คือ การศึกษาพระธรรม ซึ่งจะต้องสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ตั้งแต่ในขั้นการฟัง จนกว่าจะรู้จนกว่าจะประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง    

บุคคลผู้ที่อบรมเจริญปัญญา เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น ย่อมจะเห็นโทษของกุศล ทำให้กุศลลดน้อยลงตามกำลังของปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า ความประพฤติที่ดีงาม ก็ย่อมคล้อยไปตามความเข้าใจพระธรรมอย่างแท้จริง พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงมีแต่คุณประโยชน์อย่างเดียว การเข้าใจพระธรรม ไม่ได้เสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย เมื่อศึกษาพระธรรมแล้ว มีแต่ได้สะสมปัญญา ได้เข้าใจความจริง การเข้าใจพระธรรมจึงเป็นความดีที่ประเสริฐ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้นในชีวิตประจำวันจึงทำให้มีการงดเว้นจากสิ่งที่ไม่ดีแล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม ที่เป็นกุศล กาย วาจา และใจ เป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น แต่ละบุคคลสามารถเห็นคุณค่าของพระธรรม สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าหลังจากที่ได้ศึกษาพระธรรมแล้วเกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเท่านั้นที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้.     


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ