[คำที่ ๖๙] คติ

 
Sudhipong.U
วันที่  20 ธ.ค. 2555
หมายเลข  32189
อ่าน  559

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์  คติ

คำว่า คติ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง โดยศัพท์ แปลว่า การไป มีความหมายหลายอย่างด้วยกัน ทั้งการเดินไป, ที่อาศัย, ความสำเร็จ,    ปัญญา, อัธยาศัย และหมายถึง ที่ที่อันสัตว์พึงไปตามกรรมของตนๆ    

ในที่นี้ขอนำเสนอในความหมายที่เป็น ที่ที่อันสัตว์พึงไปตามกรรมของตนๆ ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังต้องมีการเกิดวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิบ้าง เกิดเป็นมนุษย์ บ้าง เกิดเป็นเทวดา บ้าง ตามกรรม ยังไม่พ้นไปจากคติหนึ่งคติใดใน คติ ๕ ตามข้อความจาก ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน สุปปวาสาสูตร ว่า

คติ ๕ คือ นิรยคติ (เกิดเป็นสัตว์นรก) ติรัจฉานคติ (เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน) เปตคติ (เกิดเป็นเปรต) มนุสสคติ (เกิดเป็นมนุษย์) และเทวคติ  (เกิดเป็นเทวดา และ เกิดเป็นพรหมบุคคล)


เมื่อกล่าวถึงการเกิดในภพภูมิต่างๆ แล้ว ย่อมไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม จึงมีการบัญญัติให้รู้ว่าเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดเป็นเทวดา เป็นต้น ผู้ที่พ้นจากการเกิด มีเพียงบุคคลประเภทเดียวเท่านั้น คือ พระอรหันต์

ทุกคนที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ นับว่าเป็นผู้ยังปลอดภัยกว่าการเกิดในอบายภูมิ เพราะเหตุว่าในขณะที่เป็นมนุษย์ ยังมีโอกาสได้เจริญกุศล และ ยังมีโอกาสที่กุศลกรรมจะให้ผลได้ตามสมควรแก่เหตุ, แต่กาลข้างหน้า ซึ่งอาจจะช้าหรือเร็วเพียงใดไม่มีใครทราบได้ที่จะต้องเปลี่ยนสภาพจากความเป็นบุคคลนี้ไป นั่นก็คือ ตายจากโลกนี้ นั่นเอง เพราะฉะนั้น จึงควรที่จะได้ขวนขวายในการเจริญกุศลทุกอย่างจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าเป็นผลของกุศลกรรมทำให้ไปเกิดในอบายภูมิแล้ว นั่นหมายความว่าย่อมจะขาดการเจริญกุศลอย่างที่มนุษย์จะกระทำได้

เป็นความจริงที่ว่า สำหรับผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ เวลาที่สิ้นชีวิตลง ละจากโลกนี้ไปแล้ว ไปสู่อบายภูมิได้ทั้ง ๔  คือ จะเกิดเป็นสัตว์นรกก็ได้ เกิดเป็นเปรตก็ได้ เกิดเป็นอสุรกายก็ได้ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ได้ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม, และก็สามารถไปสู่สุคติภูมิได้ทั้ง ๗ ภูมิ (คือ มนุษย์ภูมิ และ สวรรค์ ๖ ชั้น) แล้วแต่ว่าจะเป็นผลของกุศลกรรมประเภทใด และถ้าเป็นผู้ได้อบรมความสงบของจิตจนถึงขั้นรูปฌาน เมื่อฌานไม่เสื่อมก่อนตาย ก็สามารถไปเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลได้  ถ้าเป็นผู้อบรมเจริญความสงบของจิตจนถึงขั้นอรูปฌาน เมื่อฌานไม่เสื่อมก่อนตาย ก็สามารถไปเกิดในภูมิที่ไม่มีรูปเลย มีแต่นามธรรมเท่านั้นได้ (คือ เกิดเป็นอรูปพรหมบุคคล) และประการที่สำคัญที่สุด คือ ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ไม่มีการเกิดอีกเลยไม่ว่าจะเป็นในที่ไหนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและกรรมของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง      

เพราะฉะนั้น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรอย่างยิ่งที่จะได้เจริญกุศลทุกประการ พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ด้วย ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายแน่ อาจจะเป็นเดี๋ยวนี้ วันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ก็ได้ ที่ดีที่สุดก่อนที่วันนั้นจะมาถึง คือ ทำดีและศึกษาพระธรรม ถ้าละเลยในสิ่งเหล่านี้ เป็นผู้ประมาทมัวเมาประกอบแต่กุศลกรรม เมื่อกุศลกรรมให้ผล ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิแล้ว เมื่อนั้น ก็ไม่สามารถจะโทษใครได้เลย เพราะตนเองเป็นผู้กระทำกรรมไม่ดีเอง ผลที่ไม่ดีก็ย่อมเกิดกับตนเองเท่านั้น.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ