ณ กาลครั้งหนึ่ง.....กับเรื่องราวของ คุณ John Lloyd Griffiths ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  13 มิ.ย. 2563
หมายเลข  31943
อ่าน  2,493

คุณจอห์น (John Lloyd Griffiths) ชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันอายุ ๗๔ ปี ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมาได้ ๘ ปีแล้ว จากการที่ได้ฟังเรื่องราวความเป็นมาของคุณจอห์น ในการสนทนาธรรมออนไลน์ (สด) กับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เมื่อช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา โดยคุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (คุณเจี๊ยบ) ภรรยาชาวไทยของคุณจอห์น ได้โทรศัพท์เข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ตามความประสงค์ของคุณจอห์นที่อยากจะมีโอกาสได้กล่าวสวัสดีและขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ สักครั้งหนึ่งในชีวิต ในขณะที่ท่านสนทนาธรรมแบบออนไลน์กับกลุ่มสนทนาธรรมบ้านธัมมะลำพูน ทำให้ได้ทราบว่า คุณจอห์น (John Lloyd Griffiths) เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่มีชีวิตที่น่าสนใจมาก และเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง ตามที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ในการสนทนา

คุณเจี๊ยบเล่าว่า ในอดีต ก่อนที่คุณจอห์นจะได้มาพบรักและแต่งงานกับคุณเจี๊ยบ คุณจอห์นมีความสนใจในเรื่องของสมาธิ และชวนกันไปนั่งสมาธิกับบุคคลที่เคารพท่านหนึ่ง "..เราทั้งคู่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยินพระธรรมคำจริงที่ถูกต้อง (ว่า) คืออย่างไรเลย บอดชวนบอดให้บอดสนิท มืดมิดมากขึ้น ก็ชวนกันทำสิ่งที่ผิด แต่เพราะคุณจอห์นมีความสนใจในสมาธิเป็นพื้นฐานที่เคยปฏิบัติ ในสถานที่ปฏิบัติธรรมที่แห่งหนึ่ง ๒ ครั้ง ก่อนจะมาพบคบหาดูใจเรียนรู้กันก่อน ๒ ปี จึงเป็นเหตุให้คุณจอห์น ปิดธุรกิจค้าส่งจิวเวลรี่ และ ค้าของเก่าโบราณ เพียงเพราะสนใจอยากนั่งสมาธิ แต่ก็ต้องหารายได้ดำรงชีพในช่วงจังหวะปี ๒๐๐๘ ได้ลงทุนเปิดบริษัท เพียง ๖ เดือน ก็โดนโกง..หมดตัว คุณจอห์นไม่เอาผิด ไม่เรียกร้องคนที่โกงเพื่อเข้าคุกใดๆ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น..." (ข้อความบางตอนจาก บันทึกที่คุณเจี๊ยบกรุณาส่งมา ท่านที่สนใจ สามารถติดตามได้ตามลิงค์ที่แนบไว้ตอนท้ายของกระทู้นี้)

การได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองท่าน เฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ได้ทราบถึงความอาจหาญ ร่าเริง ไม่หวั่นไหวไปกับความเจ็บป่วยและความตาย ในช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุดของชีวิตในขณะนี้ ที่คุณจอห์นป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้เกิดความปีติ ซาบซึ้งใจ ทั้งรู้สึกยินดีกับทั้งสองท่าน ที่ได้พบกับพระธรรมที่ถูกต้อง ตรงตามที่ได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้ จากการเกื้อกูลของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งในปัจจุบันมีการแพร่หลายไปมากมาย ทั่วโลก ทั้งในยูทูปและในสื่อออนไลน์ต่างๆ จนก่อให้เกิดประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ผู้ที่ได้เคยสะสมบุญคือปัญญา ความเข้าใจธรรมะ มาแต่ในอดีตอนันตชาติ เมื่อได้พบ ก็สามารถมีความสนใจที่จะฟังและเข้าใจได้ ส่วนผู้ไม่ได้สะสมมา แม้ได้พบ ก็ย่อมจะไม่สนใจและผ่านเลยโอกาสที่มีค่ายิ่งนี้ไป แต่สำหรับผู้ที่สะสมมา เมื่อได้มีโอกาสพบ ย่อมทำให้เป็นผู้ที่สนใจ ใส่ใจฟังและพิจารณาด้วยดี จึงทำให้เป็นผู้ที่มีชีวิตที่ไม่สูญเปล่าแล้ว กับการได้มีโอกาสเกิดมาในชาตินี้ ที่ได้มีโอกาสสะสม "อริยทรัพย์" ทรัพย์อันเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของบุคคล สำหรับการเดินทางที่แสนกันดารและยาวนานยิ่ง ในสังสารวัฏ "ผู้รู้" เท่านั้น ที่จะรู้ว่านี้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดยิ่งกว่าทรัพย์ใดในสากลจักรวาล หาใช่ทรัพย์อื่นใดเลยไม่

อนึ่ง ความที่การสนทนาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ทั้งในปัจจุบันนี้และในภายภาคหน้าต่อๆ ไป จึงเป็นโอกาสดีที่ได้นำเสียงสนทนาที่เป็นประโยชน์ดังกล่าว มาประกอบกับภาพของคุณจอห์น ที่คุณเจี๊ยบส่งมา และนำลงบันทึกไว้ในยูทูป เพื่อง่ายต่อการรับชม รับฟัง ทั้งง่ายต่อการแชร์ไปในหมู่เพื่อนฝูง อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่สาธารณชน เป็นอันมากต่อไป จึงขออนุโมทนากับคุณจอห์น และคุณเจี๊ยบ สำหรับภาพและความการสนทนาที่เป็นประโยชน์ดังกล่าว มา ณ ที่นี้ (ขอเชิญคลิกชมภาพและฟังเสียงการสนทนา ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง)

ข้อความจากการสนทนา :

คุณเจี๊ยบ กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ค่ะ เจี๊ยบจากออสเตรเลียนะคะ เจี๊ยบ-คุณจอห์น ค่ะ เป็นครั้งแรก เจี๊ยบเป็นผู้ใหม่ ก็ได้ศึกษามาประมาณ ๔ ปีแล้วค่ะ ๔ ปีกว่า โดยที่เด้งขึ้นมาทางเฟซบุ๊ค แล้วก็ได้ติดตาม และมีโอกาส ช่วงระหว่างที่ฟังท่านอาจารย์ คุณจอห์น-สามี เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งหมอบอกว่าอยู่ได้ ๒ ปี ตอนนี้ อีกสองเดือนก็จะครบ ๘ ปี และเมื่อปีที่แล้ว คุณหมอบอกจะมีชีวิตอยู่ได้แค่หนึ่งถึงสามเดือน เพราะว่ามะเร็งลามไปทั่วแล้ว โดยเฉพาะที่สมอง ก้อนใหญ่ เขาก็อยากจะขอบคุณและกล่าวสวัสดีกับท่านอาจารย์ แต่ปัญหาคือเขาไม่ได้ยิน เพราะเขามีปัญหาเรื่องการได้ยิน

เขามีโอกาสได้อ่าน หนังสือของท่านอาจารย์ ของคุณนีน่า น่าจะเกือบทุกเล่ม โดยเฉพาะที่เป็นของมูลนิธิฯ ตอนนี้อาการก็ค่อนข้างแย่ แต่ก็อยากจะขอสักครั้งหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสขอบคุณท่านอาจารย์ แล้วก็ได้คุยกับท่านอาจารย์ ซึ่งเขาใส่หูฟัง แต่ก็อาจจะไม่ค่อยได้ยินมาก สักครู่ค่ะท่านอาจารย์ (กรุณาติดตามฟังเสียงของคุณจอห์นได้ในยูทูปข้างต้น)

.....ค่ะ ท่านอาจารย์ เดี๋ยวเจี๊ยบจะบอกคุณจอห์น คือ คุณจอห์นได้มีโอกาสอ่านพระไตรปิฎก ช่วงที่อยู่โรงพยาบาล ฉบับภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาไทยอ่านไม่ได้ แล้วคุณจอห์นก็มาติดตรงคำว่า "die before death" (ตายก่อนตาย) ที่ยังไม่เข้าใจ แต่ทีนี้ เจี๊ยบคิดว่า อาจจะเป็นด้วยสุขภาพ.....

ท่านอาจารย์ ต้องบอกคุณจอห์น ต้องบอกคุณจอห์นว่า ทุกคน ตายทุกขณะ เหมือนกันหมด ไม่ใช่แต่เฉพาะคุณจอห์น นี่คือ ตายทุกขณะ เพราะจริงๆ แล้วก็คือว่า ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เราไปกำหนดเรียกว่า death (ตาย) แต่ความจริงมันก็คือ next moment (ขณะต่อไป) เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ทุกคนก็พร้อม ready for next moment , no matter this world or other world or next world (ไม่ว่าโลกนี้ โลกหน้า หรือโลกไหน) exactly the same เหมือนกันทุกขณะค่ะ คือเกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ แล้วก็ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ เพราะฉะนั้น ตายทุกขณะ นะคะ แต่ว่า ตายแบบที่เราเข้าใจว่าเป็นสมมติ มันก็อาจจะเป็นเย็นนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น พร้อมที่จะรับสิ่งที่เกิดต่อไป เราเรียกมันเองว่าโลกใหม่ แต่ความจริงมันก็คือ ของธรรมดาที่เกิดดับต่อจากขณะนี้ เท่านั้นเอง

คุณเจี๊ยบ ค่ะ ท่านอาจารย์ คุณจอห์นจะอ่านหนังสือ "A Survey of Paramattha Dhammas" ก็น่าจะหลายสิบครั้ง และทุกครั้งที่อยู่โรงพยาบาลก็ประมาณ ๓ อาทิตย์ ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล เจ้าหน้าที่ ก็ให้ความสนใจ แล้วก็เริ่มมีโทรศัพท์เข้ามา เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาว่า ศาสนาพุทธ เปลี่ยนชีวิตของคุณอย่างไร อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็มีคนขอหนังสือธรรมะเข้ามา ก็ได้มีโอกาสแนะนำเวปไซต์ (www.dhammahome.com) แล้วก็มีหนังสือจากคุณวรศักดิ์ (เจ้าหน้าที่ มศพ.) ที่เกื้อกูล แล้วก็พี่แอ๊ว (ฟองจันทร์ วอลช) ก็ได้แบ่งปันคนที่เขาสนใจจริงๆ แล้วตอนนี้ ตัวหนูเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไร ที่จะแนะนำกับผู้คนได้มาก ก็พูดตามความเข้าใจ เพราะเพิ่งศึกษามาได้ประมาณ ๔ ปีกว่า โดยการฟังธรรม แล้วก็อย่างที่ท่านอาจารย์บอก ก็คือ ฟัง "ทีละคำ" แล้วก็ "ไม่ได้คาดหวัง" แล้วก็ทำหน้าที่ดูแลคุณจอห์น ที่นี่ไม่มีพี่น้อง อยู่กันสองคน และตอนนี้ก็เหลืออีก ๒ เดือน จะครบ ๘ ปี ค่ะท่านอาจารย์

ตอนนี้ มะเร็งลามไปแทบจะทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ก็ด้วยการศึกษาพระธรรมทุกๆ วัน ตามกำลังของเขานะคะ ก็ "ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเข้าใจระดับไหน" หรือไม่เข้าใจเลย ก็ไม่ได้ไป "ใส่ชื่อ" ก็แล้วแต่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ก็มีโอกาสได้ถาม แล้วก็ได้คุยกัน ก็เป็นโอกาส ก็คิดอยู่ กลัวว่าจะไปรบกวนพี่ๆ ผู้สนทนาธรรมท่านอื่น คุณจอห์นก็มีเจตนา จะกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ เขาบอกว่า ขอมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้เข้าใจธรรมะอีกหน่อยได้ไหม เพราะว่ามันยากเหลือเกิน เพราะว่า "A Survey of Paramattha Dhammas" นี่ อ่านจนหนังสือขาดไปเล่มหนึ่งแล้ว ตอนนี้เล่มที่สองแล้ว ยังไม่ไปไหน ยังอยู่เรื่องจิต-เจตสิก ค่ะ ไม่ทราบจะให้คำแนะนำเขาอย่างไรค่ะ ในฐานะคนป่วย แล้วก็ป่วยหนักด้วย เดินไม่ได้ ติดเตียง และสภาพจิตใจของตัวเจี๊ยบเองก็ จากครอบครัวมา ก็อยู่ที่นี่คนเดียวค่ะ ก็อยากจะแนะนำพระธรรมในทางที่ถูก การได้ยินก็ไม่เอื้อ ก็ได้แต่อ่านแล้วก็ใช้จดเอา อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็เขียน-คุย ค่ะท่านอาจารย์ ซึ่งเจี๊ยบก็ไม่ทราบว่า เจี๊ยบยังไม่ได้ทำอะไรที่ควรจะทำ แล้วก็สมควรอะไรที่จะเอื้อเฟื้อในเรื่องของพระธรรมกับคุณจอห์นมากไปกว่านี้ไหม อย่างนี้ค่ะท่านอาจารย์ เรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

ท่านอาจารย​์ ค่ะ คุณเจี๊ยบจะอัดไว้ก็ได้นะคะ เพื่อว่ามีเวลาจะได้ทบทวน แล้วก็จะได้คุยกับคุณจอห์น เป็นบุญของเขามากๆ เลยค่ะ ที่เขาได้มีโอกาสได้รู้ความจริง และต้องการที่จะเข้าใจขึ้น แต่ความจริงที่ทุกคนลืม ก็คือว่า ทุกขณะนี้ ไม่เหลือเลย เหมือนตาย เพราะฉะนั้น จึงมีคำว่า "ตายทุกขณะ-ขณิกมรณะ" เห็นก็ดับ ไม่กลับมาอีกเลย ได้ยินก็ดับ ไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอะไร โลกนี้ โลกก่อน โลกหน้า ก็คือ "แต่ละหนึ่งขณะ" เหมือนอย่างนี้เลย

เพราะฉะนั้น ทุกคนก็พร้อม ที่จะจากขณะนี้ ไปสู่อีกขณะหนึ่ง เพราะเหมือนกัน เราสมมติเรียกว่า จากโลกนี้ไปโลกหน้า หรือว่าตายจากนี่ ไปเป็นอีกคนหนึ่ง แต่ความจริงก็คือว่า ตราบใดที่ยังไม่จากโลกนี้ไป ก็ตายอยู่แล้ว เมื่อกี้นี้ก็ดับหมด ไม่เหลือเลย หายไปแล้ว ใช่ไหม เพราะฉะนั้น ทุกขณะนี้ตาย ขณะใหม่ที่จะมาถึง ก็เป็นอย่างนี้แหละ มันเหมือนกันหมดเลยทุกขณะ เราเพียงเรียกมันว่า ตาย กับ เกิด เดี๋ยวนี้มันก็ตายกับเกิด ตายกับเกิด ตายกับเกิด อยู่แล้ว

เพราะฉะนั้น ทุกคนก็พร้อม ใช่ไหม? เพราะว่า มันเป็นสิ่งซึ่งจะต้องจากโลกนี้แน่ คือว่า ตายแล้วจริงๆ ไม่เป็นคนนี้อีกต่อไป กับ ตายทุกขณะ เพราะฉะนั้น จะอยู่ที่ไหน เกิดที่ไหน เมื่อไหร่ มันก็คือการเกิด และการตาย อย่างนี้ไม่น่าเดือดร้อน มันเป็นธรรมดา มันต้องมีแน่ๆ ต้องเป็นแน่ๆ เพียงแต่เหมือนกับว่า เราคิดถึงย้ายบ้าน ย้ายโลก แต่ความจริง โลกไหนก็คือ มันต่อจากโลกนี้ เหมือนกับเดี๋ยวนี้ ต่อกับเมื่อกี้นี้ ถูกไหม?

คุณเจี๊ยบ ค่ะ ถูกค่ะ

ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้ มันต่อกับเมื่อกี้นี้ เพราะฉะนั้น คุณจอห์น หรือใครๆ ก็ตาม ทุกคน พร้อม เพราะว่า จะจากไปเมื่อไหร่ก็คือว่า มันต่อจากโลกนี้ แล้วมันก็เกิดใหม่ต่อกันไปทุกขณะ ต่อกันไปทุกขณะ เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น เป็นโอกาสที่ว่า คุณจอห์น ได้มีความเข้าใจธรรมะก่อน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเลย ความที่คุณจอห์นเข้าใจ ความเข้าใจนี้จะติดตามคุณจอห์นไป เหมือนกับที่คุณจอห์นเคยเข้าใจมาแล้ว จึงมีโอกาสได้ฟัง แล้วก็ได้เข้าใจ

เพราะฉะนั้น โอกาสใหม่ ก็คือว่า สามารถที่จะได้ยินได้ฟังอีก แล้วก็ได้เข้าใจอีก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะช้าหรือเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงก็คือว่า ทุกขณะ เป็นอย่างนี้ มีแล้วก็หมด มีแล้วก็หมด มีแล้วหมด แล้วต่อกันสนิท เหมือนเดี๋ยวนี้เลย เพราะฉะนั้น จากโลกนี้ไป ก็มีจิตที่เกิดต่อทันที ไม่มีระหว่างคั่น เพราะฉะนั้น ความดี ความเข้าใจธรรมะ ก็อยู่ที่แต่ละหนึ่งคน ที่จะทำให้อะไรเกิดขึ้นในชีวิตต่อไป เหมือนขณะแรกที่เราเกิด มันก็ต่อมาจากขณะก่อนของชาติก่อน แล้วขณะนี้ ชาตินี้ ก็เกิดแล้วก็ต่อกัน ต่อกันไปทุกขณะ เท่านี้เอง แต่ว่ามีโอกาสได้ฟังคำ ที่สามารถจะทำให้ละความไม่รู้ และการยึดถือว่ามีเรา ซึ่งความจริงต้องมั่นคงในคำว่า "ธรรมะ-สิ่งที่มีจริง" มีปัจจัยเกิด แล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีก แล้วก็ต่อกันทุกขณะ เท่านี้เอง

เพราะฉะนั้น ทุกคนก็พร้อม สำหรับที่จะต่อจากขณะนี้ แล้วแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากขณะนี้ ต่อจากขณะนี้ ก็เป็นธรรมดา

คุณเจี๊ยบ ค่ะ ท่านอาจารย์ เดี๋ยวหนูจะอธิบายให้คุณจอห์นฟังค่ะ คุณจอห์นก็มีโอกาสได้เจริญกุศล ตอนที่อยู่ พัลเลียทีฟแคร์ (การดูแลแบบประคับประคอง หรือ Palliative Care คือ การดูแลที่มีมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว โดยลดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ เป็นการดูแลควบคู่กับการรักษาหลักที่มุ่งหวังกำจัดตัวโรค การดูแลแบบประคับประคองจะคำนึงถึงความต้องการและความปรารถนาของผู้ป่วยและครอบครัวร่วมด้วยเสมอ : ข้อมูลจากเวปไซต์โรงพยาบาลพญาไท) ที่โรงพยาบาล ก็คือ มีพระภิกษุมาสวดมนต์ให้กับคนที่น่าจะเป็นคนเขมรหรือว่าว่าเป็นคนลาวนี่แหละค่ะ ก็ไม่ทราบรายละเอียด แล้วคุณจอห์นก็เห็น แล้วได้มีโอกาสพูดคุย คุณจอห์นได้ถือหนังสือพระไตรปิฎกไว้ พระก็มาขอสวดให้คุณจอห์น คุณจอห์นก็บอกว่า พระภิกษุมาสวดให้กับคนแบบนี้ ก็แปลว่าไม่ได้เชื่อเรื่องกรรม เขาก็ถามพระภิกษุว่า ได้ศึกษาพระไตรปิฎกไหม? พระภิกษุเขาก็อายเลย แล้วก็บอก (พระภิกษุ) ให้ไปศึกษาพระธรรม ก็เลยรู้สึกว่าอนุโมทนากับคุณจอห์น ที่ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจอะไรตามที่หนูเข้าใจ แต่ว่า ความที่เขาสะสมมา ก็เป็นตัวอย่างให้หนูได้เห็น แล้วก็อนุโมทนาในสิ่งที่เขาได้พูดกับพระภิกษุรูปนั้น แล้วก็ได้บอกว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ตามกำลังปัญญาของคุณจอห์น อันนี้ก็คือสิ่งหนึ่ง

แล้วก็เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมาก ตอนนี้ทั้งหมอและพยาบาล ก็งงกับการที่คุณจอห์น ทำไมยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตัวหนูเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเอามาเป็นประเด็นว่า เป็นเรื่องของการศึกษาพระธรรมหรือเรื่องโน้นเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าคืออะไร แต่ประเด็นคือ ความเข้าใจ (ธรรมะ) ของคุณจอห์น ที่จะสะสม แม้จะเป็นอารมณ์สุดท้าย ที่เขาจะจากโลกนี้ไป อันนี้คือสิ่งที่หนูตั้งใจ และรู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้มีโอกาสได้ทำตามเจตนารมณ์เขา ที่อยากจะคุยกับท่านอาจารย์ แล้วก็ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ในวันนี้ ขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องค่ะ

ท่านอาจารย์ ทุกคนก็ปลาบปลื้มยินดีจริงๆ กับความเข้าใจของคุณจอห์น เพราะฉะนั้น ขณะนี้หมดแล้ว ก็มีขณะต่อไป เห็นไหม ธรรมดา แล้วคุณจอห์นเข้าใจคำว่า ตายก่อนที่จะตายจริงๆ คือตายทุกขณะ เป็น ขณิกมรณะ หมดแล้ว ไม่กลับมาอีก จนกว่าจะถึง ที่เราเรียกว่า สมมติมรณะ ที่พ้นจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ในโลกนี้ สมุจเฉทมรณะ คือการปรินิพพานของพระอรหันต์ ตราบใดที่ยังไม่ถึงตรงนั้น ก็มีการเกิดดับสืบต่อกัน ตายทุกขณะ จนกระทั่งเป็น ตายที่เป็นสมมติ ที่เราเรียกว่า คนตาย จนกว่าจะถึงสุดท้าย สมุจเฉทมรณะ

คุณจอห์น ตราบใดที่เขาไม่ผิดทาง ก็เป็นกุศลที่เขาสะสมา แล้วก็จะสืบต่อไป ให้เขาได้มีโอกาสได้เข้าใจธรรมะ เพราะฉะนั้น บอกคุณจอห์น จากขณะนี้ที่คุณจอห์นอยากจะมีชีวิตต่อไปเพื่อเข้าใจธรรมะ คุณจอห์นจะต้องมีชีวิตต่อไปแน่ๆ เพราะว่า จากขณะนี้ ก็เป็นอีกขณะหนึ่ง ไปอีกขณะหนึ่ง จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ไม่กั้นความปรารถนา หรือความตั้งใจ ซึ่งเป็นกุศล ที่ต้องการจะเข้าใจพระธรรม ก็น่าอนุโมทนาจริงๆ ไม่ทราบคุณจอห์นเป็นสมาชิกชมรมบ้านธัมมะ หรือเปล่าคะ

คุณเจี๊ยบ เป็นแล้วค่ะ ทางคุณวรศักดิ์สมัครให้ค่ะ และหนูก็เป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว พอดีหนูไม่ได้มีโอกาสที่จะสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์หรือเข้าในไลน์กลุ่ม แต่ก็ฟังไม่ได้ขาด เมื่อมีโอกาส เพราะด้วยเหตุที่คุณจอห์นเข้าโรงพยาบาลบ่อย และตอนนี้ก็ ขอตายที่บ้าน และจริงๆ แล้ว คุณหมอบอกว่าคุณจอห์นจะเสียชีวิตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วแล้ว ก็มีอาการชักอีก แล้วเขาก็จะเป็นอย่างนี้เป็นปกติ

สิ่งที่ตัวหนูเอง เกือบแปดปี อีกสองเดือนครบแปดปี เห็นระหว่างความเป็นกับความตายมาตลอด แล้วเป็นจังหวะที่ว่า ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม โดยตอนแรก ด้วยความที่ว่าเรียนต่างประเทศมาตลอด แล้วก็ไม่ค่อยได้เข้าใจเรื่องธรรมะอะไร ไม่ค่อยได้เข้าใกล้ แต่ทีนี้ จุดหักเหคือล้มละลาย แล้วก็มาศึกษาพระธรรม จนวันหนึ่ง ก็มีธรรมะประมาณ ๗ นาที เด้งขึ้นมาว่า พระรัตนตรัยที่ถูกต้องคืออะไร แล้วก็ได้แนะนำให้คุณจอห์น

ทีนี้ ด้วยความที่ว่า เริ่มต้นกันไม่เป็น ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็รู้จักท่านหนึ่ง คุณจอห์นก็ได้มีโอกาสอ่านพระไตรปิฎก ๕๗ เล่ม อ่านไปก็ร้องไห้ ร้องไห้แล้วก็เรียกรถพยาบาล หมอก็หาว่า เป็น (อาการ) ทางจิตเวช ก็ร้องไห้แล้วก็กลับมาอ่านอีก ก็ร้องไห้อีก ก็คิดว่าเขาน่าจะผูกพันกับตัวหนูเอง หนูไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ก็ไม่ได้มีปัญญาที่จะไปค้นหาเพื่ออะไร ก็เริ่มฟัง แล้วพอได้ฟังท่านอาจารย์คลิปที่สอง ก็ไม่ทราบว่าทำไมเด้งขึ้นมาอีก (เรื่อง) พระภิกษุมีรับเงินรับทอง มีเงินเดือนได้อย่างไร? อะไรอย่างนี้ ก็รู้สึกว่า น่าฟังต่อ แล้วก็ค่อยๆ ฟังไป พอเริ่มจะฟังธรรมท่านอาจารย์ อินเทอร์เน็ตก็ขาดหายไป ติดต่อไม่ได้ ติดต่อบริษัท บริษัทก็หาสาเหตุไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เลยพาคุณจอห์นไปนั่งร้านกาแฟทั้งวันเลย ใช้เวลาประมาณเกือบสองอาทิตย์ เพื่อที่จะได้ฟังท่านอาจารย์ที่ร้านกาแฟ แล้วอินเทอร์เน็ต (ที่บ้าน) ก็แก้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนบริษัท เขาไม่ทราบสาเหตุจริงๆ ว่าเพราะอะไร ก็อาจจะเป็นเหตุปัจจัยที่ยังรู้ไม่ได้

อันนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้น แล้วก็ฟังมาเรื่อยๆ ได้มีโอกาสคุยกับคุณวรศักดิ์ ซึ่งก็ให้คำแนะนำ แล้วก็รู้จักพี่แอ๊ว มาตอนนี้ก็ ๔ ปีแล้วค่ะท่านอาจารย์ แล้วก็คิดว่าคุณจอห์นจะไปหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็เพิ่งล้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้แผลประมาณสิบกว่าแผล ล้มทั้งยืน แล้วแกก็ปรารภอยู่เรื่อยๆ ว่าจะเขียนจดหมายไปหาอาจารย์สุจินต์ได้ไหม คือตัวหนูเองก็เกรงใจ แล้วก็ไม่รู้ความเหมาะสม เหมาะควรเป็นอย่างไร เพราะเห็นท่านอาจารย์ปีก่อนก็ต้องผ่าตัด แล้วหลายๆ เรื่อง ก็คิดว่าเราฟังไปก่อนดีกว่า ก็ฟังท่านอาจารย์ เก็บเล็ก ผสมน้อย แต่ทีนี้ เกินปัญญาที่จะอธิบาย เพราะบางครั้ง คุณจอห์นก็จะถาม ถามแบบลึกๆ อย่างเมื่อกี้นี้ที่ถามว่า ตายก่อนตาย จากที่หนูฟังท่านอาจารย์ หนูก็จะเข้าใจว่า สภาพธรรมเป็นสภาพที่เกิดแล้วดับ การที่เกิดแล้วดับ ก็คือ ที่ท่านอาจารย์บอกว่า คือ ขณิกมรณะ ใช่ไหมคะ

ท่านอาจารย์ เพราะเหตุว่าไม่กลับมาอีกเลย ความตาย ๓ อย่าง ค่ะ ธรรมดาก็มีการตายอยู่แล้ว ตายเรื่อยๆ จนกว่าจะจากโลกนี้ไป ก็ต้องเกิดอีก แล้วก็ตายอีก เป็นธรรมดา ทุกขณะ ทุกขณะ ไปเรื่อยๆ ไม่เคยขาดเลย บอกคุณจอห์นได้เลย เป็นชีวิตที่น่าสนใจมากนะคะ อยากให้มีใครที่ได้ฟัง แล้วลงข่าวนี้ให้กับสมาชิกบ้านธัมมะ ได้ทราบทั่วกัน เพราะหายากจริงๆ ที่จะมีคนที่ ขณาดที่ว่าไม่มีอะไรจะฟัง ยังอุตส่าห์ไปหาฟังที่ร้านกาแฟ คิดดู

คุณเจี๊ยบ เดี๋ยวหนูขอส่งรูปไปให้ท่านอาจารย์ได้ชมนะคะ ว่าเขาอยู่โรงพยาบาลแล้วเป็นอย่างไร

ท่านอาจารย์ แล้วคุณเจี๊ยบ ไม่ต้องเกรงใจเลย เช้า สาย บ่าย ค่ำ มีอะไร โทรฯถึงดิฉันได้หมดเลย

คุณเจี๊ยบ หนูมีความตั้งใจมาก ด้วยความที่ได้เห็นความเป็นความตาย อันนี้คือจุดเริ่มต้นนะคะท่านอาจารย์ แล้วตอนนี้ก็มีคนที่อยากจะรู้เรื่องคุณจอห์น เรื่องทำไมยังมีชีวิตอยู่ อันนี้พูดถึงทางการแพทย์ ว่าไม่น่าจะมีชีวิตรอด อายุ ๗๔ หนูก็มีความนึกถึงว่า ฟังพระธรรมแล้วเขามีความสุขเบิกบาน คือเขาเบิกบานจริงๆ อย่างเช่น หมอ พยาบาล มา เขาก็บอกว่า คุณล้มทำไมไม่เรียกรถพยาบาล ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล คุณจอห์นเขาพูดคำว่า มะเร็งอยู่ส่วนมะเร็ง แล้วรู้ไหมว่ามะเร็งคือรูป (รู-ปะ) หนูแบบ โอ้โฮ.....เขาบอกมะเร็งมันรูป (รู-ปะ) เขาบอกอย่างนี้ แล้วทีนี้ฝรั่ง เขาก็ รูปคืออะไร เขาก็เข้าใจว่าเป็น element (ธาตุ) เขาบอกว่ามะเร็งมันคือมะเร็ง ทีนี้คุณจอห์นเขาพูดน่ารักมาก เขาพูดว่า ฉันก็อายุเยอะแล้ว เจ็ดสิบสี่ ฉันก็ไม่มีแรง มันก็เป็นโรคปกติ ฉันก็ไม่รู้ว่า จากนี้อีกกี่ปี แรงฉันจะหมดไปเยอะขนาดไหน ซึ่งน่ารักมากในบทสนทนาที่เขาคุยกับหมอ เขาบอกว่ามะเร็งคือรูป แสดงว่าเขาต้องเข้าใจ

ท่านอาจารย์ เขาพูดทุกคำเป็นธรรมะตลอด แม้แต่จะตอบหมอ เขายังพูดเป็นธรรมะตอบ แสดงว่าเขาเข้าใจ

คุณเจี๊ยบ แล้วหนูก็เลยคิดว่า กำลังความเข้าใจถูก ความเห็นถูกของหนู ไม่สามารถที่จะไปตอบคำถามทางธรรมได้ลึกๆ เพราะบางครั้ง เขาพูด หนูก็กลัวว่าจะมีความเห็นผิดในการที่จะตอบและยืนยันไป แต่ด้วยความที่สภาพแวดล้อม หนูอยู่นี่ (ออสเตรเลีย) หนูต้องทำเองทุกอย่าง ที่ทำกับข้าวไม่เป็นก็ต้องฝึกทำ ทำความสะอาดไม่เป็นก็ต้องฝึกทำ คือทำทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ตอนนี้เป็นต้นทุน เหมือนจะใช้คำว่าต้นทุนในใจ คือ มันไม่มีอะไรเทียบเท่ากับการได้ฟังคำจริง มันไม่มีอะไรเทียบเท่ากับการได้ยินคำจริง ที่ได้ยินได้ฟังจากการสนทนา แล้วก็ท่านอาจารย์ได้มอบโอกาส แล้วก็สงเคราะห์กับทุกๆ คน ที่มีความตั้งใจ คำทุกคำ ฟังท่านอาจารย์ ๑๐ ครั้ง ก็ความหมายลึกเป็น ๑๐ ครั้ง อย่างน่าตกใจ คือหนูสะดุดคำของท่านอาจารย์ครั้งแรกเลย "เพียงสิ่งที่ปรากฏ" ครั้งแรกหนูฟัง "เพียงสิ่งที่ปรากฏ" รู้สึก มันขยี้ในหัวใจมากเลย มันสะเทือนข้างในมาก แต่พอมาฟังอีก "เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ" ท่านอาจารย์บอกอันนั้นคือ นามและรูป โอ้โฮ...แบบ...มันลึกเข้าไปค่ะ มันขยี้ลงไปลึก เหมือนกับที่คุณจอห์นพูด ว่า มะเร็งก็คือมะเร็ง มะเร็งก็คือรูป (รู-ปะ) ก็เลยรู้สึกว่า ไม่อยากปล่อยโอกาสวันนี้ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ แล้วก็พี่ๆ ทุกๆ ท่าน กัลยาณมิตร ที่เป็นโอกาสให้กับเจี๊ยบและคุณจอห์น ถ้ามีโอกาสได้สนทนาธรรม ก็จะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าคุณจอห์นยังมีชีวิตอยู ยังไม่ได้ตายจากความเป็นบุคคลนี้ค่ะท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์ ติดต่อดิฉันได้โดยตรงเลยนะคะ เมื่อไหร่ก็ได้ กี่โมงก็ได้ และถ้ามีอะไรที่ยังสงสัย ไม่แน่ใจ ก็สนทนาให้กระจ่าง อย่างคำว่า "ตาย" ที่คุณจอห์นสงสัยว่า "ตายก่อนตาย" เห็นไหม? เขาเข้าใจ ที่จะคิดว่าคำนี้ลึกซึ้งแค่ไหน เพราะว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เกิดก็ไม่มี เกิดแล้วก็ดับ ไม่มีใครรู้เลย เพราะแสนสั้น แสนเร็ว เพราะฉะนั้น ตายแล้วไม่กลับมาอีก คือ ตายก่อนตาย ถูกไหม ทุกอย่าง นี่คือคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สอดคล้องกันทุกคำ เพราะเป็นความจริงถึงที่สุด ที่เปลี่ยนไม่ได้เลย ก็ต้องอนุโมทนา ยินดี จริงๆ ในความเข้าใจถูก ของทั้งคุณจอห์นและคุณเจี๊ยบค่ะ

คุณเจี๊ยบ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นที่สุดเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสก็คงได้มีกาลครั้งหนึ่ง ที่ได้พบท่านอาจารย์ในอนาคต ทุกวันนี้ก็เป็นกาลครั้งหนึ่ง สำหรับเจี๊ยบและคุณจอห์น ที่ท่านอาจารย์ได้เมตตา แล้วก็พี่แอ๊วและทุกๆ คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิต กุศลเจตนาที่สุดเลยค่ะ

ปัจจุบัน คุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (คุณเจี๊ยบ) และคุณจอห์น (John Griffiths) ได้สมัครเป็นสมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๓๘๕๐ และ ๓๘๕๑ ตามลำดับ "ทำดีและศึกษาพระธรรม" ขอแสดงความยินดีในความดีของท่านทั้งสอง มา ณ โอกาสนี้


ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ได้โดยคลิกที่ลิงค์ด้านล่าง.....

- บันทึกเรื่องราวที่น่าสนใจ ของคุณณิชชารีย์ อริยทวีธีรพร (คุณเจี๊ยบ) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๓๘๕๐

- ความตาย ๓ อย่าง

ขอเชิญอ่านหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ ในรูปแบบ E-book ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง......

- หนังสือธรรมะภาคภาษาอังกฤษ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Witt
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

ซาบซึ้ง ประทับใจมาก

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ คุณจอห์นและคุณเจี๊ยบครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาทุกความดีงามที่ผู้ศึกษาธรรมได้บำเพ็ญดีแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มกร
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Nataya
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 13 มิ.ย. 2563

ยินดีในคุณความดีของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เอมปวีร์
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

กราบแทบเท้าอาจารย์ เกิดที่ใจดับที่ใจ อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ ขอเป็นสมาชิกจะต้องทำอย่างไรคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

เรียนคุณ เอมปวีร์

ผู้มีความตั้งใจทำดี และศึกษาธรรมะสมัครสมาชิก ชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ได้ทางอีเมล โดย เขียนข้อมูลสำหรับการสมัครสมาชิกดังต่อไปนี้ (ใช้ภาษาไทย)

นาย, นาง, น.ส …....... นามสกุล ………

ที่อยู่ …………

รหัสไปรณีย์ …………

ปีเกิด ……… เบอร์โทรศัพท์ ………

อีเมล ………

อาชีพ …………

ความสนใจ …………

ส่งข้อมูลของท่านพร้อมกับรูปถ่าย มาที่อีเมล dhammahomefellowship@gmail.com

โดยระบุหัวข้อว่า สมัครสมาชิก

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Kalaya
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kullawat
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 16 มิ.ย. 2563

ยินดีในกุศลศรัทธาในคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของคุณจอห์น และคุณเจี๊ยบ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 16 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
พัชรีรัศม์
วันที่ 16 มิ.ย. 2563

ยินดีกับท่านทั้งสองที่ได้พบเส้นทางธรรมของแท้ อนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Chaituch
วันที่ 17 มิ.ย. 2563

ซาบซึ้งมากครับ เห็นถึงกำลังของปัญญา ในการสะสมความเห็นถูกมาในอนันตชาติของทั้ง 2 ท่านครับ อนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chvj
วันที่ 17 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
sdangprapai
วันที่ 22 มิ.ย. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ที่เคารพ

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทั้งสองท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ