ต้องทำให้จิตสงบเป็นพื้นฐานพอสมควรเสียก่อน

 
lokiya
วันที่  24 ก.พ. 2562
หมายเลข  30495
อ่าน  544

"สมถะเหมือนขาขวา วิปัสสนาเหมือนขาซ้าย ต้องไปด้วยกัน ต้องภาวนาให้จิตใจสงบเป็นพื้นฐานพอสมควรเสียก่อน จึงนำมาพิจารณาทางด้านปัญญา เพราะฉะนั้น หลวงพ่อจึงเปรียบเทียบว่าสมถะคือขาขวา วิปัสสนาคือขาซ้าย ถ้าหากว่าเรามีแต่สมาธิอย่างเดียว ก็เหมือนคนขาเดียว เดินไปมันก็เดินไม่ได้ วิปัสสนาก็เหมือนกัน ปุปปับก็มาพิจารณาเลยโดยที่จิตใจไม่เป็นสมาธิ ก็เหมือนขาซ้ายขาเดียวมันก็เดินไม่ได้อีก"

จากที่ได้ฟังคำกล่าวนี้พบว่าถ้าไม่มีความสงบเป็นพื้นฐานจากการทำสมาธิก็จะพิจารณาให้เกิดวิปัสนาญานไม่ได้ ใช่หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 25 ก.พ. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ที่กล่าวถึงในคำถาม ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ

พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ได้สะสมอบรมมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เพื่อที่จะได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ก็ขอให้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อตั้งใจว่าจะศึกษาพระธรรม จริงๆ ก็ต้องตั้งต้นอย่างนี้ เป็นเหมือนผู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อที่จะได้รู้ได้เข้าใจถูก เห็นถูก จากการได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง ถ้าไม่เริ่มฟังพระธรรม ย่อมไม่มีทางที่จะมีความเข้าใจถูก เห็นถูกได้เลย

การนั่งสมาธิ ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และความเห็นผิดให้มากยิ่งขึ้น พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟัง ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ จึงจะเข้าใจพระธรรม ทั้งหมดเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ที่สำคัญ คือจะขาดการฟังพระธรรม ไม่ได้เลยทีเดียว การที่ได้ฟังธรรม เข้าใจธรรม น้อมประพฤติตามธรรม นี้แหละคือการบูชาอย่างแท้จริงต่อพระรัตนตรัย แต่ถ้าไปทำอย่างอื่นในสิ่งที่ผิดๆ ไม่ใช่การบูชาเลย เพราะเป็นอกุศล ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
abhirak
วันที่ 26 ก.พ. 2562

สิ่งที่ควรทราบเพิ่มก็คือการนั่งสมาธิหรือการทำสมาธิไม่ใช่ของแรกเริ่มหรือมีมาจากพระพุทธศาสนา การนั่งสมาธินั้นมีมาก่อนหน้านานแล้วจนเป็นเรื่องปกติของคนในยุคนั้น จะเห็นได้ว่าเจ้าชายสิทธัตถะยังทรงต้องเข้าไปศึกษากับดาบส สองท่านผู้ที่โด่งดังมากในสมัยนั้นคืออาฬารดาบส และ อุทกดาบส จนพระองค์ทรงทราบว่าไม่ใช่หนทางที่พระองค์แสวงหา เพราะไม่ได้ประกอบด้วยปัญญาความเข้าใจที่ถูก จะเห็นว่าสมาธิที่ส่งเสริมกันให้ทำมากในสมัยนี้นั้นเป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งจะไม่ได้ช่วยให้เกิดสัมมาปัญญาใดๆ ได้เลยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ