วิธีการทำบุญที่วัดอย่างถูกต้องต้องทำอย่างไร

 
Lusifer
วันที่  20 ก.พ. 2562
หมายเลข  30488
อ่าน  1,232

ส่วนมากเวลาคนอยากทำความดี ทำสิ่งดีๆ ก็มักที่จะคิดถึง การไปไหว้พระ ทำบุญ ที่วัด หลังๆ ไปวัด กระผมไม่ได้ใส่ซองด้วยเงินให้กับพระที่รับสังฆทานแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจถึุงวิธีปฎิบัติอื่นๆ ในวัดที่ถูกต้อง จึงกราบเรียนถาม วิธีปฎิบัติ ว่าต้องทำอย่างไรครับ

1. ใส่ตู้บริจาคในโบสถ์ เช่น ค่าไฟ ค่าสะเดาะเคราะห์ ค่าดอกไม้ธูปเทียน ฯลฯ ถูกหรือไม่

2. สังฆทาน วน (ส่วนมากให้หยอดตู้ ชุดละ 100 บาท) ถูกหรือไม่

3. ทำบุญผ้าไตร ห่มผ้ารอบตัวพระ (ส่วนมากให้หยอดตู้ ชุดละ 100บาท) ถูกหรือไม่

4. การทำบุญในวัดโดยใช้เงินบริจาคเช่น เพื่อโรงเรียน เพื่อสร้างปฎิสังขรณ์วัด เขียนชื่อในกระเบื้อง แล้วหยอดเงินใส่ตู้ในวัด เพราะท่านว่าจะเอากระเบื้องนี้แหล่ะไปปูหลังคาวัด

ผมอยากจะเข้าใจให้ถูก ถึงสิ่งที่คนพุทธควรปฎิบัติ อย่างถูกต้องครับ เพราะส่วนมากไปวัด ผมจะเน้น ให้อาหารปลา ปล่อยปลา ทำสังฆทาน เพื่อความรู้สึกสบายใจ แต่จะมีหยอดแบงก์ใส่ตู้บริจาคในโบสถ์ และเขียนกระเบื้องบ้างครับ

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 22 ก.พ. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นควรจะได้เข้าใจว่า บุญ คือ อะไร

บุญ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม ขณะใดที่จิตปราศจากโลภะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากกิเลสทั้งหลาย ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรกด้วยเครื่องเศร้าหมองของจิต คือ กิเลสประการต่างๆ มากมาย) จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิต และเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปทำบุญ เพราะบุญอยู่ที่สภาพจิต จิตเป็นกุศล เป็นบุญ ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตเป็นอกุศล ย่อมไม่ใช่บุญเลยแม้แต่น้อย

บุญ ย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้นในขณะที่จิตเป็นกุศล ขณะใดที่จิตเป็นอกุศล หรือตรึกไปด้วยอกุศลวิตกประการต่างๆ เป็นไปกับความติดข้องต้องการหรือเป็นไปกับความโกรธ ขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ รวมไปถึงในขณะที่นอนหลับ ขณะนั้นบุญไม่เจริญ และไม่ใช่บุญด้วย (ในขณะที่นอนหลับ ไม่มีกุศล ไม่มีอกุศล เกิดขึ้น โลกนี้ไม่ปรากฏ เพียงแต่เป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจรักษาความเป็นบุคคลนี้ไว้เท่านั้น บุญจึงไม่เจริญในขณะที่นอนหลับ) แต่เมื่อใดที่สติเกิดระลึกได้เป็นไปในความดีประการต่างๆ ทั้งในเรื่องของทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ในเรื่องของศีล การวิรัติงดเว้นจากทุจริตกรรม และการน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ในเรื่องความสงบของจิต คือสงบจากอกุศลและในการอบรมเจริญปัญญา เมื่อนั้นบุญย่อมเจริญ ซึ่งไม่จำกัดเลย เพราะการกระทำบุญไม่ใช่มีแต่เฉพาะทานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีถึง ๑๐ ประการด้วยกัน คือ

๑. ทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น

๒. ศีล ความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่เป็นกุศล ไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นให้เดือดร้อน

๓. ภาวนา การอบรมจิตให้สงบจากอกุศล (สมถภาวนา) และการอบรมให้เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก (วิปัสสนาภาวนา)

๔. อปจายนะ การอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม แสดงถึงความอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง

๕. เวยยาวัจจะ การขวนขวายกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

๖. ปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนาด้วย

๗. ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาพลอยชื่นชมยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแม้ตนเองจะไม่ได้กระทำบุญนั้นก็ตาม เป็นการชื่นชมในความดี เป็นความจริงที่ว่าผู้ชื่นชมในความดี จึงทำดี

๘. ธัมมเทศนา การแสดงธรรม กล่าวธรรม กล่าวในสิ่งที่มีจริงตามคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อประโยชน์แก่ผู้ต้องการฟัง

๙. ธัมมัสสวนะ การฟังธรรมฟังในสิ่งที่มีจริงที่เป็นวาจาสัจจะ (คำจริง) ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง

๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การกระทำความเห็นให้ตรงตามสภาพธรรมและเหตุผลของสภาพธรรมนั้นๆ

ดังนั้น การทำบุญ หรือการเจริญกุศลนั้น ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องไปที่วัดหรือจะต้องทำกับพระภิกษุเท่านั้น เพราะได้เข้าใจแล้วว่า บุญ คือ อะไร ขณะไหน สำหรับบุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์บุญ ซึ่งเป็นความดีประการต่างๆ อันจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสของตนเองนั้น ก็จะไม่ละเลยโอกาสในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะถ้ากุศลไม่เกิด ก็จะเป็นโอกาสให้อกุศลเกิดพอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และควรที่จะได้พิจารณาว่า เกิดมาแล้ว ทุกคนต้องละจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน แต่จะจากไปพร้อมกับกิเลสที่มีมากๆ หรือจะจากไปพร้อมกับกุศลและปัญญาที่ได้อบรมเจริญในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่?

จากประเด็นคำถาม ก็ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้

1. ใส่ตู้บริจาคในโบสถ์ เช่น ค่าไฟ ค่าสะเดาะเคราะห์ ค่าดอกไม้ธูปเทียน ฯลฯ ถูกหรือไม่

- ถ้ามีความประสงค์จะเกื้อกูลพระภิกษุ ควรจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยการไม่ให้เงินแก่พระภิกษุหรือแก่ส่วนรวม โดยมีภิกษุเป็นผู้รับ เพราะเหตุว่า พระภิกษุจะรับเงินไม่ได้โดยประการทั้งปวง จะรับเพื่อตนเองหรือเพื่อส่วนรวมก็ไม่ได้ ควรจะถามว่าวัดนี้มีไวยาวัจจกร ที่จะมีดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่พระภิกษุหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็คือ รู้ได้เลยว่า เงินที่มีคนบริจาคในตู้ต่างๆ ก็คือ พระภิกษุเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งไม่ถูกต้องโดยประการทั้งปวง แต่ถ้ามีไวยาวัจจกร เราก็สามารถมอบให้ไวยาวัจกร เพื่อให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย และที่สำคัญ การสะเดาะห์เคราะห์ เป็นความเห็นที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะเหตุว่า กรรม ที่ทำสำเร็จไปแล้ว ก็สำเร็จไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปทำอะไรได้ เมื่อเหตุมีแล้ว ผลก็สามารถเกิดขึ้นเป็นไปได้ ตามควรแก่เหตุ ดังนั้น ก็ควรตั้งต้นด้วยการสะสมความดี เพราะความดี จะไม่ทำให้เกิดผลที่เป็นทุกข์หรือความเดือดร้อนใดๆ เลย

2. สังฆทาน วน (ส่วนมากให้หยอดตู้ ชุดละ 100บาท) ถูกหรือไม่

- สังฆทาน วน ไม่มีในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามีการดำเนินการอย่างนี้ จะโดยภิกษุหรือคฤหัสถ์ ก็ตาม ก็คือ ผู้ไม่มีความเคารพยำเกรงในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะแท้ที่จริงแล้ง สังฆทาน เป็นการให้เพื่อสงฆ์ เพื่อส่วนรวมโดยไม่เจาะจง และด้วยความเคารพยำเกรงในสงฆ์ จริงๆ และสิ่งที่ถวายจะต้องเป็นสิ่งที่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิตเท่านั้น จะถวายสิ่งที่ไม่เหมาะควร เช่น เงิน ทอง ไม่ได้ ครับ

3. ทำบุญผ้าไตร ห่มผ้ารอบตัวพระ (ส่วนมากให้หยอดตู้ ชุดละ 100บาท) ถูกหรือไม่

- การบูชาในสิ่งที่ควรบูชา ก็สามารถที่จะกระทำได้ ตามควร แต่ถ้ามีการให้เงินพระภิกษุ ย่อมไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเหตุให้ภิกษุล่วงละเมิดพระวินัย เป็นอาบัติ มีโทษ

4. การทำบุญในวัดโดยใช้เงินบริจาคเช่น เพื่อโรงเรียน เพื่อสร้างปฎิสังขรณ์วัด เขียนชื่อในกระเบื้อง แล้วหยอดเงินใส่ตู้ในวัด เพราะท่านว่าจะเอากระเบื้องนี้แหล่ะไปปูหลังคาวัด

- พระภิกษุ ไม่ได้มีหน้าที่ในการสร้างวัด สร้างโรงเรียน แต่มีหน้าที่ในการศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นหลัก เมื่อคฤหัสถ์เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ก็จะไม่ส่งเสริมสนับสนุนในสิ่งที่ผิด

การเจริญกุศล ควรจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลส ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 23 ก.พ. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
2491surin
วันที่ 23 ก.พ. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Lusifer
วันที่ 25 ก.พ. 2562

กราบขอบคุณ คุณคำปั่น ที่ได้ให้ข้อคิดและความกระจ่างมา ณ ที่นี้โดยตลอดและต่อเนื่องครับ ถือว่าผมได้มีความเข้าใจถูก มากขึ้นมาทีเดียวในประเด็นต่างๆ ที่ท่านชี้แจง

ชอบคำคำนี้มากครับ ที่คุณคำปั่นได้กล่าวว่า "เกิดมาแล้ว ทุกคนต้องละจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน แต่จะจากไปพร้อมกับกิเลสที่มีมากๆ หรือจะจากไปพร้อมกับกุศลและปัญญาที่ได้อบรมเจริญในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่? "

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ