เวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิต

 
khampan.a
วันที่  29 ม.ค. 2562
หมายเลข  30437
อ่าน  2,516

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม

ที่โรงแรม รามาด้า (RAMADA) พาราณสี ประเทศอินเดีย

วันอังคารที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒




~ เวลานี้ เป็นเวลาที่มีประโยชน์ที่สุดในชีวิต เพราะเหตุว่า เป็นเวลาที่จะได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ที่ดินแดนแห่งนี้แล้วชาวเมืองในสมัยนั้นก็ได้มีโอกาสที่จะได้ฟัง เพราะฉะนั้น ผ่านมา ๒๕๐๐ กว่าปี พระธรรมยังคงอยู่ คำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ได้จารึกไว้สืบทอดมาจนถึงเรา แต่ว่าความละเอียดความลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรม ไม่ใช่ว่าใครสามารถที่จะอ่านแล้วรู้ได้ทันที แต่ต้องพิจารณาแต่ละคำซึ่งมีจริงๆ ทุกกาลสมัย แล้วก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นตามที่พระองค์ได้ทรงแสดง

~ สภาพธรรมเดี๋ยวนี้ แม้แต่เห็นเกิดแล้วก็ดับ แต่ว่าไม่มีใครรู้เลย ถ้าไม่ได้ฟังธรรมแล้วก็ไม่รู้หนทางที่จะรู้ความจริงว่าเมื่อความจริงเป็นจริงก็จะสามารถรู้ความจริงได้จริงๆ แต่ต้องด้วยปัญญาที่เข้าใจจริงๆ ด้วย

~ เริ่มต้นตั้งแต่การฟัง ไม่ต้องไปที่ไหนเลย อยู่ตรงไหนฟังธรรมได้ยินคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนั้นและคำนั้นถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริง นี่คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ทำให้ (ค่อยๆ ละคลาย) ความไม่รู้ ซึ่งไม่รู้มาตั้งนาน ค่อยๆ เข้าใจขึ้นตามความเป็นจริงซึ่งความเป็นจริง ต้องเป็นจริงโดยตลอด ถ้าใครสามารถที่จะรู้ได้ ก็สามารถที่จะรู้ความเป็นจริงในขณะนั้นได้ตามที่ได้ทรงแสดง

~ ลองคิดดู ถ้าไม่ได้เข้าใจธรรม ก็เกิดไปเรื่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ เกิดตายไปเรื่อยๆ โดยที่ว่าไม่ได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม

~ ที่ไม่ได้ฟังธรรม ก็หลงผิดมานานแสนนาน แต่ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม เริ่มเห็นถูกต้องเริ่มเข้าใจถูก จริงไหม? จากการที่ไม่ได้เข้าใจมาเลย เพราะฉะนั้น พระธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องอาศัยกาลเวลานานที่จะทำให้ความเข้าใจที่เริ่มเข้าใจค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้นในสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ตามปกติ แต่ความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนในที่สุดสามารถที่จะประจักษ์แจ้งความจริง คือ ประจักษ์แจ้งการเกิดขึ้นและดับไปของสิ่งที่กำลังเกิดดับในขณะนี้ โดยความไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมที่เป็นความเข้าใจถูกคือปัญญา

~ ทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป จากไปเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่เหตุปัจจัย ทำไมมีนก ทำไมมีงู ทำไมมีหนู ทำไมมีปลา ต้องมีเหตุที่จะต้องเป็นอย่างนั้นคือ สภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้ได้แก่จิต เจตสิก และสภาพธรรมที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น คือรูปธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมจึงต่างกันเป็นรูปธรรมกับนามธรรม หยุดยั้งไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรา แต่เมื่อเกิดแล้ว ความหลงผิด ทำให้ยึดถือสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับนั่นแหละว่าเป็นเรา

~ ไม่มีเงินจำนวนไหนมากมายมหาศาลที่จะไปซื้อความเข้าใจถูกแม้เพียงนิดหน่อย นอกจากบุคคลนั้นได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ไตร่ตรอง จนกระทั่งรู้ว่าพระรัตนตรัย ไม่สามารถที่จะมีใครไปซื้อหามาได้ แต่มีค่าสูงสุด เหนือราคาใดๆ ทั้งสิ้น

~ ฟังพระธรรมแล้วสะสมอยู่ในจิต ทำให้สามารถที่จะเข้าใจขึ้นๆ เมื่อฟังบ่อยๆ

~ กิเลสมีมาก ต้องดับตามลำดับขั้น ขั้นแรกที่จะต้องดับก่อนคือความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนซึ่งทำให้มีการกระทำทุกอย่างเห็นแก่ตัว มีการเอาเปรียบคนอื่น หรืออาจจะทำให้คนอื่นสิ้นชีวิตลงไปได้ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยที่จะทำให้ชีวิตของคนอื่นต้องสิ้นไป แต่ว่าถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่รู้อะไร ก็คิดว่าเป็นของธรรมดาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นพระธรรมก็จะทำให้ผู้ที่มีความเข้าใจค่อยๆ มีคุณความดีเพิ่มขึ้น

~ จะห้ามไม่ให้สิ่งที่จะเกิดเพราะมีปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ก็ค่อยๆ รู้ความจริงว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม ก็จะสงบจิต ไม่วุ่นวาย

~ การได้ฟังธรรมแล้วก็เข้าใจ ก็จะทำให้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ก็สามารถที่จะรู้ความจริงดีกว่าที่จะเดือดร้อน

~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คือต้องเป็นอย่างนั้นเพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นแล้ว เห็นชัดว่าไม่มีใครสามารถ เปลี่ยนแปลงได้ ก็มีความเข้าใจในความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน ความเป็นธรรมที่จะต้องเกิดดับไปโดยยับยั้งไม่ได้เพราะจากขณะนี้ไปเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต

~ ในสังสารวัฏฏ์ ทุกคนก็มีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ทำไมถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เห็นไหม กรรมทำไว้เยอะแยะมาก แต่กุศลกรรมหนึ่งก็ทำให้เกิดเป็นมนุษย์แล้วยังเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมด้วย นี่ก็เป็นสิ่งที่ได้สะสมมา มิฉะนั้น ก็จะไม่มีโอกาสเห็นประโยชน์หรือเห็นคุณค่าของการฟังเลย

~ สิ่งใดที่ล่วงไปแล้วไม่สามารถจะแก้ไขได้ แต่ต่อไปนี้ ก็จะทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะรู้ว่าสิ่งใดผิดก็ไม่ทำ นี่คือปัญญา ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาเห็นถูก จะไม่ทำสิ่งที่ผิด เพราะปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่เป็นกุศล

~ ชาติหน้า อาจจะมาถึงเร็วมาก โดยไม่รู้ตัวเลย เพราะฉะนั้น เวลาที่ยังเหลืออยู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ควรจะเป็นเวลาที่มีค่าที่ได้ความเข้าใจจากพระธรรม เพราะว่าสามารถที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์หรือว่าเป็นเทวดาก็แล้วแต่ แต่ก็มีโอกาสได้ฟังพระธรรมต่อไป เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตในสังสารวัฏฏ์ ก็คือ การเข้าใจความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้

~ พระรัตนตรัย มีสาม ไม่ใช่หนึ่ง ไม่ใช่สอง แต่มีสามเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นรัตนะ ก็มีพระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วเป็นรัตนะ แล้วก็มีผู้ที่ประพฤติตามพระองค์จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นรัตนะ ที่เป็นพระอริยบุคคล จึงเป็นพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้นใครที่กล่าวผิดจากนี้ ก็คือผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา เพราะคนอื่นหลงผิดเข้าใจผิด

~ ถ้าชาตินี้เห็นผิด ชาติต่อไปก็เห็นผิด แต่ถ้าชาตินี้ได้สะสมความเห็นที่ถูกต้องเป็นปัจจัย พอได้ยินคำที่ถูกต้อง ก็สามารถเข้าใจถูกได้ เพราะคำจริงทั้งหมด เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าใครจะกล่าว เพราะเป็นคำที่ถูก

~ ถ้าย้อนไปในอดีต คนที่กล่าวอย่างนี้ว่า "ให้ฟังแต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เมื่อพบท่านพระสารีบุตร เขาก็ไม่ฟัง ใช่ไหม? แต่คนในครั้งนั้น เป็นผู้ที่มีปัญญา คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าใครกล่าว ก็เป็นความจริง เพราะฉะนั้นเขาฟังผู้ที่ได้รับฟัง คือ สาวก จึงสามารถที่จะเข้าใจได้ ไม่ว่าใครที่กล่าวคำจริงทุกกาลสมัยคนที่ได้ฟังก็สามารถเข้าใจได้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะรู้ว่าคำจริงนั้นทุกคำ เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วจากการที่ทรงตรัสรู้

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟังบ่อยๆ เพราะว่าคำอื่นเราได้ยินมากกว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันหนึ่งๆ ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ เราได้ยินเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ว่าการที่มีโอกาสได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาก ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้รู้ตามความเป็นจริง ว่า ความเป็นจริง ต้องเป็นจริงอย่างนั้น แต่ว่าปัญญาที่จะเข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ต้องค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ จากการที่ได้ฟังบ่อยๆ

ขอเชิญรับฟังไฟล์เสียงบางช่วงบางตอนได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

คำจริงทั้งหมดเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
สิริพรรณ
วันที่ 30 ม.ค. 2562

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์เป็นอย่างสูงค่ะ

เวลาที่มีค่าในชีวิตนี้ คือเพื่อศึกษาพระธรรม ฟังคำจริงที่ทำให้เข้่าใจความจริง ด้วยความเคารพและอดทนในการฟังคำที่ทรงแสดง

เพราะธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้่าลึกซึ้งยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณในกุศลจิตท่านผู้เผยแพร่ ถ่ายทอดคำจริง ทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 30 ม.ค. 2562

..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ..

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
mammam929
วันที่ 30 ม.ค. 2562

กราบบูชาพระรัตนตรัยด้วยการฟังพระธรรมและเจริญกุศลตามกาล

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เมตตาเกื้อกูลให้ได้ฟังคำจริง

และกราบอนุโมทนากุศลจิตของผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรมทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 30 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 31 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Selaruck
วันที่ 4 ก.พ. 2562

กราบแทบเท้าระลึกและบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์คำปั่นที่ประมวลคำท่านอาจารย์ และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ