ไม่เข้าใจธรรมะ คือ ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ

 
nattawan
วันที่  27 ม.ค. 2562
หมายเลข  30426
อ่าน  661

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อที่จะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เองเป็นธรรมะที่เกิดแล้วดับ ถ้าไม่เกิดไม่มี เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เพราะเกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น ไม่มีเรา ไม่มีตัวตน

พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของผู้ที่เลิศด้วยปัญญา รู้ได้เฉพาะพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรมใครจะรู้ได้

ฟังธรรมะไม่ใช่ฟังแค่เผินๆ แต่ฟังด้วยความรู้คุณจริงๆ ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราจะไม่รู้ว่าขณะนี้ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมะทั้งหมด ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ยั่งยืนที่จะเป็นของเรา แค่เห็นก็ติดข้องแล้ว แต่จะไม่ติดข้องเมื่อเห็นการไม่มีของสิ่งนั้นเมื่อสิ่งนั้นดับไป

ท่านอาจารย์สุจินต์เน้นความไม่ใช่เราเพราะความจริงเป็นอย่างนี้ สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ธรรมะต้องเป็นธรรมะเป็นเราไม่ได้ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ เป็นนามธรรมและรูปธรรม เป็นธาตุที่ต้องคงไว้ซึ่งลักษณะนั้นเปลี่ยนไม่ได้ (แข็งเป็นแข็ง) ถ้ารู้ความจริงว่าธรรมะเป็นธรรมะ เป็นอนัตตา เกิดเพราะเหตุปัจจัย เปลี่ยนไม่ได้ จะไม่เดือดร้อนเลย

ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อละอนุสัยที่นอนเนื่องติดแน่นหนาในจิต

ไม่เข้าใจธรรมะ คือ ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ แล้วไปหาธรรมะที่ไหน!!!!!

การจะละความติดข้องว่าไม่ใช่เรา เพราะรู้ว่าเป็นอะไร เพราะติดข้องด้วยความไม่รู้ จะละได้ด้วยความรู้ ฟังจนสติสัมปชัญญะเกิดเมื่อไหร่ ... รู้เลยว่าเพราะปริยัติสมบูรณ์ เป็นปกติในชีวิตประจำวันเพราะเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ เกิดแล้ว ต้องเป็นปกติเพราะไม่มีใครทำ ต้องเป็นปกติเพราะเกิดแล้วปรากฏให้รู้ ทำไม่ได้ แต่ความเข้าใจ ... เข้าใจขึ้นๆ ๆ จนถึงเวลาพร้อมสติปัฏฐานเกิดทันที ระลึกทันที เลือกอารมณ์ไม่ได้เป็นช่วงขณะแสนสั้นที่สุด เพราะเป็นธรรมะ เป็นอนัตตา ฟังแล้วเข้าใจตามลำดับ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง

รอบรู้ต้องเป็นความเข้าใจจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังเพื่อเข้าใจ การสนทนาธรรมเป็นมงคล การฟังธรรมเป็นมงคล

กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
prasan wongsatittana
วันที่ 29 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ