นับถือพระพุทธศาสนา ต้องศึกษาพระพุทธศาสนาที่ตนเองนับถือ ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 
khampan.a
วันที่  30 ส.ค. 2561
หมายเลข  30038
อ่าน  1,828

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



"นับถือพระพุทธศาสนา ต้องศึกษาพระพุทธศาสนาที่ตนเองนับถือ"

ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม

ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันพฤหัสบดี ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๑











~ ขอให้ทุกคนได้ฟังคำซึ่งได้ยินจนชินหูตั้งแต่เกิด คือ คำว่า พระพุทธศาสนา แต่ว่าได้ยินแล้วมีความรู้สึกอย่างไร สำคัญหรือเปล่า? ศาสนาคือคำสอน พุทธะคือผู้ที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้เลยทั้งสิ้นในสากลจักรวาล ไม่ใช่เฉพาะแต่ในโลกมนุษย์ ไม่ว่าในโลกไหนๆ ทั้งสิ้นก็ไม่มีผู้ใดเปรียบ เพราะฉะนั้น ทรงเป็นผู้เลิศ จึงมีพระนามว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง

~ เราเกิดมา ถ้าเราไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ไหมว่าอะไรจริง แค่นี้ ถ้าเราเป็นคนที่ไตร่ตรองและเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ เราก็จะได้สาระมาก จากแต่ละคำที่ได้ฟัง โดยไม่ผ่านไป

~ ศาสนา มีมาก ศาสนาเป็นคำสอนแล้วแต่ว่าจะมีใครเป็นศาสดา (ผู้สอน) แต่จะมีศาสนาไหนที่เป็นพระพุทธศาสนา พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ทุกอย่าง ไม่มีผู้ใดที่สามารถที่จะรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุว่า แม้แต่คำของพระองค์ บางท่านก็ไม่ฟัง ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร

~ แต่ละคนก็สะสมความสนใจมาหลากหลายมาก บางคนก็สนใจในการวาดรูป มีศิลปะ บางคนก็สนใจในวิทยาศาสตร์ มากมายแตกต่างกันออกไป แต่ว่าผ่านหูคำว่าพระพุทธศาสนา ผ่านไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้ค่าของคำว่าพุทธะคือผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เริ่มสะกิดใจ ว่า ต้องต่างกับคนอื่นทั้งหมดในสากลจักรวาล เพราะฉะนั้น คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงถึงพระปัญญาของพระองค์ว่าทรงตรัสรู้อะไร เพราะฉะนั้น ถ้าได้ยินคำว่าพระพุทธศาสนาแล้วเหมือนเดิม คือ ก็ไม่สนใจ ก็จะไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้สาระจากการที่ได้ยินได้ฟังคำว่าพระพุทธศาสนา

~ ทุกคนที่อยู่เมืองไทยก็ได้ยินคำว่าพระพุทธศาสนา แต่ว่าสามารถที่จะตอบได้ไหมว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไร เคยคิดบ้างไหม? ต้องตรัสรู้สิ่งที่มีจริง ถ้าไม่มีจริงแล้วจะไปตรัสรู้ได้อย่างไร ต้องเป็นผู้ที่มีเหตุผลตั้งแต่เริ่มฟัง จึงได้สาระและได้สิ่งที่มีค่าเลิศล้ำที่สุดยิ่งกว่าเพชรนิลจินดาใดๆ คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งสามารถทำให้ก่อนนี้ไม่เคยรู้ความจริง ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอฟังแล้วเริ่มค่อยๆ รู้ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสทุกคำ คนอื่นไม่รู้และพูดเองไม่ได้เลยนอกจากว่าจะฟังก่อนแล้วค่อยๆ ไตร่ตรองว่าเป็นจริงหรือเปล่า

~ เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงหรือเปล่า? มีสิ่งที่มีจริง ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พิจารณา ไตร่ตรอง เพื่อที่จะได้เป็นปัญญาของผู้ที่ฟังเอง เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นแล้วจึงรู้ว่าไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ สิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือ คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พุทธรัตนะ) พระธรรม (ธรรมรัตนะ) ที่นำไปสู่ความเข้าใจความจริงจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ตามพระองค์ได้ ถึงการดับกิเลสเป็นพระอริยสาวก (สังฆรัตนะ) จึงเป็นพระรัตนตรัย รัตนะ ๓ อย่างที่ประเสริฐสุด

~ นับถือพระพุทธศาสนา ก็จะต้องศึกษาพระพุทธศาสนาที่ตนเองนับถือ มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นคนหลอกลวง เป็นคนไม่ตรง ถ้าเรานับถืออะไร หมายความว่าเรารู้คุณของสิ่งนั้น เราจึงนับถือ แต่ถ้าเราไม่รู้คุณเลยแล้วเราบอกว่าเรานับถือ ตรงไหม ก็ไม่ตรง ไม่ตรง ก็คือ ลวง ที่บอกคนอื่นว่านับถือพระพุทธศาสนาแต่ไม่รู้ว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร

~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มทำให้ผู้ฟังเป็นคนตรง และ ความดีทั้งหมด จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากความเป็นผู้ตรง สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด คนนั้นสามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกควรกระทำ สิ่งที่ผิดไม่ควรกระทำ

~ ถ้าเราละเลยที่จะเข้าใจคำสอนของผู้ที่เราเคารพสูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตของเราก็จะไม่ได้ประโยชน์จากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาด้วย เพราะฉะนั้น เกิดมาทุกคนก็เลือกเกิดไม่ได้ เลือกวงศาคณาญาติ เลือกวงศ์สกุล เลือกมิตรสหาย ก็ไม่ได้ เลือกไม่ได้สักอย่าง เลือกที่จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็เลือกไม่ได้ เลือกที่จะไม่เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจก็ไม่ได้ เลือกที่จะไม่โกรธเป็นคนดี ก็เลือกไม่ได้ เพราะเหตุว่า ธรรมแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาหรือไปทำให้เกิดขึ้นได้เลย

~ สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ชั่วคราว แสนสั้น แต่ไม่มีใครรู้จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แล้วสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมดก็จะค่อยๆ เปิดเผยด้วยปัญญาที่เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ว่า ธรรม เป็นธรรมไม่ใช่เรา

~ ค่อยๆ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปทีละคำ ค่อยๆ เข้าใจมั่นคงขึ้นแล้วจะรู้ว่าเกิดแล้วต้องตาย ไม่ตายไม่ได้ และจะตายวันไหนก็ไม่รู้ด้วย นี่ก็แสดงความจริงชัดเจนว่าไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาการเกิดการตายได้เลย

~ ใครจะสิ้นชีวิต จะมีเงินทองมหาศาลสักเท่าไหร่ที่จะไปซื้อว่าขออยู่ต่ออีกสักหนึ่งขณะ ก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ เห็นประโยชน์อย่างยิ่งของการที่เกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไป แต่จะจากไปด้วยความไม่รู้ด้วยความไม่เข้าใจอะไรเลย หรือว่า จากไป ก็ยังรู้ความจริงซึ่งจะสามารถทำให้ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมทั้งหมด ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาอะไรได้เลยทั้งสิ้น

~ จิตที่ไม่ดีเกิดขึ้นจะมีวาจาดีได้ไหม คำพูดก็กระโชกโฮกฮาก ไร้ความเป็นมิตร แต่ถ้าจิตที่ดีเกิดขึ้น ก็จะมีความเป็นมิตร มีความเป็นเพื่อน มีความหวังดี พูดคำจริง เพราะเหตุว่าเป็นเพื่อนก็ต้องให้สิ่งที่ถูกต้อง
จะให้สิ่งที่เท็จ ให้สิ่งที่ไม่จริงได้อย่างไร


~ เพื่อนมาจากคำว่า มิตตะ ความเป็นมิตร คือ ความหวังดีพร้อมที่จะเกื้อกูล เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ให้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ไม่ให้สิ่งที่หลอกลวง แต่ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นความจริง

~ เกิดมาแล้วให้อะไรกันก็มากมาย สิ่งนั้นก็หมดไป ให้เงิน เงินก็หมดไปใช้หมดไป ให้อาหาร อิ่มแล้วก็หมดไป ทุกสิ่งทุกอย่างหมดไป แต่ถ้าให้ความเข้าใจถูก ย่อมเป็นประโยชน์ยิ่ง อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกซึ่งไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) เพื่อที่จะตรัสรู้ความจริงให้คนอื่นได้รู้ตามด้วย เป็นกัลยาณมิตรที่ประเสริฐสุดที่ไม่มีใครเปรียบได้เลย

~ ใครจะเป็นมิตรใคร เราก็รู้ว่าให้สิ่งที่ดีสำหรับเขา คือ ให้ความจริง ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าชักชวนให้ทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เลย เป็นมิตรหรือเปล่า หวังดีหรือเปล่า?

~ ไม่มีใครจะเป็นมิตรที่ประเสริฐยิ่งกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ให้แต่คำที่จริง ถูกต้อง ควรฟังคำของพระองค์ยิ่งกว่าคำของคนอื่นหรือเปล่า?

~ เกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่กรรม อยากเกิดเป็นหนอนไหม? ไม่อยากเกิดเป็นหนอน แต่อาจจะเกิดเป็นหนอนก็ได้ ถ้ามีเหตุที่ทำให้เกิดเป็นหนอนก็ต้องเกิดเป็นหนอน หนอนทั้งหลายไม่อยากเกิดเป็นหนอนเลยแต่ก็ต้องเป็น (เพราะกรรม) สุนัข แมว นก ไม่อยากเกิดเป็นสุนัข แมว นก แต่เมื่อมีเหตุที่ได้กระทำไว้ที่จะกระทำให้เป็นอย่างนั้น ก็ต้องเป็นอย่างนั้น

~ พุทธสาวก คือ ผู้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเป็นผู้ฟังคำของพระสัมมาสัมเจ้า ไม่ได้เป็นผู้ฟังคำของบุคคลอื่นแล้วก็เห็นถูกเข้าใจถูกตามความเป็นจริง



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 30 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 31 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 2 ก.ย. 2561
กราบเท้าท่านอาจารย์ที่เคารพยิ่งค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
siraya
วันที่ 4 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
MamKatarin
วันที่ 8 ก.ย. 2561

กราบขออนุโมทนาในธรรมคะ ปิติใจยิ่งนักคะ ..

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 7 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ