ได้ข้อคิดอะไรจากวันอาสาฬหบูชา

 
khampan.a
วันที่  24 ก.ค. 2561
หมายเลข  29945
อ่าน  4,451

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ
จากการที่คุณทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล
สนทนาธรรมกับอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ทางสถานีวิทยุกรุงเทพมหานคร (เอเอ็ม ๘๗๓)
วันอังคารที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ช่วงเวลา ๑๗.๐๗ ถึง ๑๘.๐๐ น.



~ มีใครบ้างที่คิดว่า วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสคำที่ทำให้ชาวโลกได้ความเข้าใจสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสรู้ โดยที่ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลยถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม เพราะฉะนั้น การบูชาพระคุณ ก็คือ เห็นคุณของการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้ผู้ที่ฟังสามารถที่จะรู้ความจริง ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้เป็นสาวกรูปแรก เพราะฉะนั้นเราได้ยินว่า วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างนี้ เราไม่ละเลยโอกาสที่จะได้รู้ว่าเราก็ควรที่จะสะสมความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้ได้มีการฟังพระธรรม เหมือนท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งเมื่อท่านได้ฟังแล้วท่านสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ได้

~ ถ้าไม่มีความเข้าใจในแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ผู้นั้นก็ไม่มีความรู้อะไร แต่เพราะเหตุว่าคำที่พระองค์ตรัส เป็นคำจริงที่สามารถจะเข้าใจได้ เพราะสิ่งที่พระองค์ตรัสกำลังปรากฏ ซึ่งก่อนนั้นก็ปรากฏแต่ไม่มีใครเข้าใจความจริงของสิ่งนั้น แต่เมื่อพระองค์ตรัสถึงสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏ คนนั้นซึ่งเป็นผู้ฟังก็ไตร่ตรอง ข้อสำคัญที่สุด ก็คือ ฟัง พิจารณาไตร่ตรอง จนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นความเข้าใจของตนเอง นั่น เป็นประโยชน์จากการที่นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการได้ฟังคำของพระองค์และเข้าใจคำที่พระองค์ตรัส ด้วย

~ ต้องเป็นผู้ที่รู้ว่า แต่ละคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี ตั้งแต่เกิดจนตาย นั่น เป็นการเคารพบูชาสูงสุด ไม่ใช่เพียงแต่บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์ที่จะให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมากราบไหว้บูชาโดยไม่ฟังคำของพระองค์ให้เข้าใจ

~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่สนใจ ไม่มีศรัทธาที่จะเข้าใจ ก็ไม่มีการที่จะเห็นพระปัญญาคุณของพระองค์ได้ เพราะฉะนั้น พระปัญญาคุณ (ที่ทรงแสดงความจริง) แต่ละคำที่ทำให้คนได้เข้าใจขึ้น มากมายมหาศาล ซึ่งถ้าไม่มีศรัทธาที่จะฟัง ก็จะไม่สามารถที่จะเห็นคุณอันประเสริฐนั้นได้ เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาด้วยความเคารพ ไตร่ตรอง จนกระทั่งเข้าใจในแต่ละคำ เช่นคำว่า ธรรม (สิ่งที่มีจริง) เป็นต้น

~ คำว่า เป็นธรรม หมายความว่า ต้องเป็นธรรม ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่คน ไม่ใช่โต๊ะ ไม่ใช่เก้าอี้ ไม่ใช่ขนม แต่ธรรมแต่หนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่มีจริงที่มีลักษณะเฉพาะแต่ละหนึ่ง ซึ่งจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเกิดขึ้นเป็นธรรม นั้น เท่านั้น

~ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยทั้งสิ้น อะไรๆ ก็ไม่มี แต่สิ่งที่มีทุกอย่างที่ปรากฏ ต้องเกิด แล้วก็ต้องเกิดเป็นอย่างนั้นๆ ไม่เป็นอย่างอื่นด้วย

~ ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเห็นความสำคัญของการได้ฟังพระพุทธพจน์ คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงฟังแล้วก็พูดตามแล้วก็คิดว่าเข้าใจ แต่ว่าทุกคำกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ แล้วเราก็ต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีอะไร เคยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มี แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็เริ่มเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อยในคำของพระองค์แต่ละคำ ซึ่งแต่ละคำของพระองค์สำหรับเข้าใจ ไม่ใช่สำหรับพูดตาม

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้มอบให้พุทธบริษัทหนึ่งพุทธบริษัทใดเป็นผู้ที่กล่าวธรรม แต่ว่าใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือว่าอุบาสกอุบาสิกาที่เข้าใจธรรม ก็ควรที่จะกล่าวธรรมที่ได้เข้าใจแล้ว เปิดเผยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คนอื่นได้รับฟัง เพราะว่า พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง แต่ว่า ต้องเปิดเผยให้คนอื่นได้ไตร่ตรองให้เข้าใจความจริง ไม่ใช่คิดเอง

~ ก่อนอื่น แค่คำแรก ธรรม คือ อะไร ถ้าไม่รู้อย่างนี้จะไม่เข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งหมด เพราะทุกคำ ตรัสถึงสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงในภาษาไทย ก็ตรงกับคำภาษาบาลี ว่า ธมฺม (ธรรม)

~ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จะเป็นพุทธบริษัทได้ไหม คนไม่รู้แล้วก็บอกว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอถามว่าพระองค์สอนอะไร ตรัส อะไร เขาบอกว่าไม่รู้ อย่างนี้ ก็ไม่ใช่พุทธบริษัท

~ ธรรมทุกคำ เปลี่ยนไม่ได้ ธรรมเป็นธรรม เป็นอื่นไม่ได้ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมแต่ละหนึ่งทั้งหมด เช่น เห็นมีจริง เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ เกิดจริงๆ เห็นจริงๆ แล้วเห็นก็ดับไป

~ ธรรมต้องเป็นธรรม เกิดดับสืบต่อตั้งแต่เกิดจนถึงขนาดสุดท้าย คือ เกิดขึ้นแล้วดับไปแล้วก็สิ้นสุดสภาพความเป็นบุคคลนี้ เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ ที่มีทั้งหมดในชีวิตนี้อยู่ไหน? เราไม่รู้เลย เราคิดว่าตายจากไป แต่ความจริง ไม่มีอะไรเหลือเลยสักขณะ แต่เพราะไม่รู้ จึงเข้าใจว่ายังมี จนกว่าจะประจักษ์แจ้งจริงๆ

~ ธรรม ที่ดี ก็มี ที่ชั่ว ก็มี ถ้ามีปัญญาเข้าใจจริงๆ เห็นว่าสิ่งที่ถูกคือถูก สิ่งที่ผิดคือผิด ย่อมละทิ้งความผิด (สิ่งที่ผิด) ย่อมละทิ้งสิ่งที่เป็นโทษ คือ ความชั่วต่างๆ

~ รูปธรรมทั้งหมด ไม่ว่ารูปอะไรทั้งสิ้น ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียดอย่างไรก็เป็นสภาพที่ไม่รู้อะไร เป็นรูปขันธ์แต่ละหนึ่งรูป

~ ธรรม เป็นธรรม จะเป็นอะไรไม่ได้ เป็นใครก็ไม่ได้ เป็นของใครก็ไม่ได้ เกิดแล้วดับไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย หมดเลย เพราะฉะนั้น จะเป็นของใครได้?

~ ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ฟังพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นพระอริยบุคคล เราได้ฟังแค่นี้ มีความคิดขึ้นบ้างหรือเปล่า ว่า แม้เราสามารถที่จะเข้าใจอย่างท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้ไหม ถ้าเริ่มฟังพระธรรม ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง คือ แต่ละคำ ไม่รีบร้อนที่จะคิดว่าเข้าใจแล้ว แต่ว่า ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงปัญญาตามลำดับขั้น.



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
amnachtipsuwrrn
วันที่ 24 ก.ค. 2561

กราบเรียนท่านอาจารย์สุจินต์และอาจารย์ทุกท่านครับ

ผมต้องการรู้สภาพจิตขณะที่รู้ธรรมเป็นอย่างไรครับ

ถ้าบรรลุธรรมแล้วเห็นทุกข์จะทุกข์หรือไม่ และเห็นสุขจะดีใจสุขใจหรือไม่อย่างไรครับ จิตเบิกบานเป็นจิตที่ดีใจที่รู้ธรรมหรือไม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 24 ก.ค. 2561

เรียนความเห็นที่ 1 ครับ

จิตที่รู้ธรรม คือ จิตที่เป็นกุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา ที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดในปัจจุบัน ที่ มีสติเจตสิกและปัญญาเกิดร่วมด้วยในขณะนั้นที่ไม่ใช่คิดนึก ที่เรียกว่า สติปัฏฐาน หรือ วิปัสสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากแสนไกล ครับ

เมื่อบรรลุธรรมแล้ว เป็นพระโสดาบัน ย่อมเห็นทุกข์ว่าเป็นธรรม เห็นสุขว่าเป็นธรรม คือ เห็นด้วยปัญญาที่รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนอีกเลย ครับ

จึงเป็นเรื่องยากแสนไกล ควรที่จะเริ่มจากการสะสมอบรมปัญญาไปทีละน้อยในขั้นการฟังจนมั่นคงต่อไปครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียนความคิดเห็นที่ ๑ เพิ่มเติม ครับ

ค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไป สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ธรรม ยาก ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้เห็นประโยชน์ ที่สามารถฟัง ศึกษาจนเข้าใจได้เป็นปัญญาของตนเองซึ่งมาจากได้อาศัยคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง การบรรลุธรรม เป็นเรื่องไกลมาก เป็นเรื่องของความที่ปัญญาเจริญสมบูรณ์พร้อมแล้ว ซึ่งถ้าไม่ตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ก็ไม่มีทางที่จะถึงตรงนั้นได้ และ ไม่สามารถถึงได้ด้วยความอยากความต้องการ เพราะความอยากความต้องการเป็นอกุศล จึงขอให้เริ่มต้นที่การฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นจากการได้ยินได้ฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เจียมจิต
วันที่ 25 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Artwii
วันที่ 25 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนา สาธุ

ขอบคุณมากครับ บางทีผมก็คิดบางทีว่าเคยท่อง เคยสวด เคยฟัง แล้ว แต่พอเรามีสมาธิเข้าใจรายละเอียดจริงๆ แล้ว ทุกบทสวดลึกซึ้งมากจริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 25 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Nataya
วันที่ 25 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 28 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Sottipa
วันที่ 29 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 29 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Somporn.H
วันที่ 29 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Somporn.H
วันที่ 29 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ