หน้าที่ของผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา

 
khampan.a
วันที่  20 ก.ค. 2561
หมายเลข  29936
อ่าน  2,100

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาพิเศษ เรื่อง
"พระพุทธศาสนาเถรวาท รัฐธรรมนูญ และ การสืบสานพระธรรมวินัย"
ที่บ้านคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑




~ ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนา หน้าที่ ก็คือ ต้องศึกษาพระพุทธศาสนาที่เรานับถือให้เข้าใจถูกต้อง ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้ไปติเตียนว่าร้ายศาสนาอื่น เพราะแล้วแต่อัธยาศัยว่าใครจะมีความคิดความเชื่ออย่างไร แต่ว่าในเมื่อเป็นผู้ที่ได้กล่าวว่าเรานับถือพระพุทธศาสนาก็ต้องศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เถรวาท ก็คือ คำสอนที่พระเถระทั้งหลายสืบเนื่องมาจากท่านที่ได้ฟังจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังจากที่ได้สังคายนาแล้วโดยพระอรหันต์ทั้งหลาย ก็แสดงถึงว่าพระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเถระมั่นคงอย่างยิ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะเหตุว่า ท่านถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เคารพจริงๆ ก็ศึกษาธรรมและปฏิบัติตาม

~ เริ่มต้นจากการให้รู้ว่าสิ่งที่มีจริงในขณะนี้คืออะไร โดยมากคนคิดเรื่องอื่น ศึกษาวิชาอื่นทั้งนั้นเลย แต่ไม่เคยเข้าใจความจริงแท้แต่หนึ่งขณะของชีวิตว่าแต่ละหนึ่งขณะสิ่งที่มีจริงนั้นคืออะไร ถ้ากล่าวเรื่องอื่นก็จะไม่เห็นคุณ ไม่รู้ถึงการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งรู้ความจริงทุกขณะ ทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้เข้าใจว่าแต่ละหนึ่งคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และต้องเป็นไปอย่างไร

~ เมตตา (ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน หวังดี) ตรงกันข้ามกับความโกรธความขุ่นใจ และความขุ่นใจ ใครก็ไปทำให้เกิดไม่ได้ เมื่อมีปัจจัยที่จะเกิดจึงเกิด ทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณา จึงจะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละคำ เช่นคำว่า ธรรมคือสิ่งที่เป็นจริง และเป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด

~ ถ้าคำนั้นเป็นคำจริง ถูกต้อง ย่อมเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพราะพระองค์ได้ทรงตรัสรู้ความจริงนั้น คนอื่นก็สามารถศึกษาเข้าใจได้

~ ที่จริงก็เป็นคำที่ถูกต้องที่สุดที่จะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาเถรวาท เพราะว่าทะนุบำรุงความจริงซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ซึ่งทุกคนก็ควรที่จะได้เข้าใจถูกต้อง เพราะเหตุว่าสิ่งที่ถูกก็ถูก สิ่งที่ผิดก็ผิด เพราะฉะนั้น ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องจริงๆ

~ ปลาบปลื้มปีติที่พุทธศาสนิกชนได้เข้าใจพระธรรม แสดงให้เห็นถึงธรรมเดช คือ ธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จากไม่รู้ มืดสนิท ได้เห็นความจริงแม้ทีละเล็กทีละน้อย ได้เห็นพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจพระธรรม เพราะฉะนั้น ก็เป็นสมบัติที่เหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะเปรียบเทียบก็เป็นอริยทรัพย์ เพราะว่าทรัพย์ในโลกไม่สามารถติดตามใครไปได้เลย จะจากโลกนี้ไปวันไหน มีทรัพย์สมบัติสักเท่าไหร่ แม้แต่ร่างกายที่เคยเข้าใจว่าเป็นของเรา ก็ไม่สามารถติดตามไปได้เลย นอกจากคุณความดี ความเข้าใจธรรม หรือ ความชั่ว ความไม่เข้าใจธรรม ก็แล้วแต่ว่าคนนั้นจะสะสมอะไร ในขณะไหน ก็สะสมอยู่ในจิตทุกขณะ ซึ่งเกิดดับสืบต่อเป็นสังสารวัฏฏ์ต่อไป

~ พระธรรมวินัยยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่กล่าวถึงพระธรรมวินัยปกปิดไว้ ใครจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะเห็นคุณของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครทั้งหมดที่เข้าใจธรรมก็ต้องเปิดเผยพระธรรมวินัย เพราะยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง ไม่มีการจำกัดเลย

~ ภิกษุที่จะเพิกถอนพระธรรมวินัย เพราะเป็นผู้ไม่เข้าใจและไม่เห็นคุณของพระธรรมและพระวินัย คนที่เข้าใจพระธรรมวินัย ย่อมเห็นคุณของพระธรรมวินัย แต่คนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทมากมาย ประพฤติปฏิบัติตามไม่ได้ เป็นต้น อย่างนั้นหรือคือผู้ที่เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่เข้าใจพระธรรมว่าเป็นเรื่องของการขัดเกลากิเลสซึ่งใครก็ตามไม่สามารถที่จะขัดเกลาละคลายกิเลสได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น ท่านเหล่านั้นต้องการจะขัดเกลากิเลสหรือเปล่า ถ้าต้องการขัดเกลากิเลสจะทำอย่างไร ไม่มีทางอื่นเลย นอกจากได้ฟังพระธรรมแล้วก็รู้ว่าหนทางนี้เป็นหนทางที่จะทำให้มีความเห็นถูกมีความเข้าใจถูก เพราะว่าความวิกฤตทั้งหมดเกิดจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่พูดว่า ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงพระธรรมวินัย เพราะอะไร?

~ ก่อนที่จะเป็นภิกษุ ก็มีความเข้าใจว่าสามารถที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตได้ จึงออกจากอาคารบ้านเรือน คนที่ออกไป จะต้องมีความมั่นคงกล้าหาญเด็ดเดี่ยวขนาดไหน สละวงศาคณาญาติ เพื่อนฝูงมิตรสหาย เครื่องบันเทิงทุกอย่าง เพื่ออุทิศชีวิตในการที่จะศึกษาพระธรรมให้เข้าใจมั่นคงขึ้น ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตซึ่งสำหรับผู้ที่เป็นคฤหัสถ์อยู่ยาก แต่สำหรับบรรพชิต อยู่ง่าย เพราะเหตุว่า เป็นผู้ที่สละแล้ว

~ ทั้งหมดที่วิกฤตหรือสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นภัยอย่างยิ่ง ก็คือ ไม่ได้เข้าใจพระธรรมวินัย ถ้าเข้าใจแล้วจะไม่มีทางทำในสิ่งที่ผิดได้เลย แต่พอเข้าใจแล้วก็ไม่ทำสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้น การแก้ ไม่มีวิธีอื่นทั้งสิ้น นอกจากศึกษาพระธรรมให้เข้าใจถูกต้อง เมื่อเข้าใจแล้ว จะไม่ทำในสิ่งที่ผิด เพราะปัญญาจะไม่ทำในสิ่งที่ผิด

~ ถ้าเป็นภิกษุ ก็จะต้องจริงใจในการที่จะขัดเกลากิเลสโดยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจด้วย แล้วพระธรรมนั่นแหละจะทำให้บุคคลนั้นสามารถรักษาพระวินัยได้

~ บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจ ภิกษุรับเงินและทอง นี่แหละบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา สำนักปฏิบัติ ก็เป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ก็คือ ศึกษาให้เข้าใจถึงความละเอียดและความถูกต้องตามพระธรรมวินัย

~ พระธรรมคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระวินัยก็เป็นการขัดเกลากิเลสที่ละเอียดอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าพุทธบริษัทไม่เข้าใจ ไม่ศึกษาพระธรรม พระพุทธศาสนาก็ดำรงต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงใจและรู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกชีวิต ก็คือ ได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่า ถ้าชาตินี้ไม่เข้าใจเลย ชาติต่อๆ ไปจะได้เข้าใจหรือ?

~ พระธรรมวินัยไม่ใช่สำหรับใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สำหรับทุกคนที่ไม่รู้ เพราะเหตุว่าวิกฤตพระพุทธศาสนา วิกฤตของประเทศชาติหรือของโลกก็มาจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น จะแก้ไขวิกฤตได้ก็คือต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้โดยละเอียดยิ่งทุกประการโดยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้วิกฤต ไม่ใช่คนอื่นเลย แต่ แต่ละคนที่ไม่รู้ได้เริ่มเข้าใจถูกต้องขึ้น มากขึ้นเมื่อไหร่ จึงจะสามารถแก้วิกฤตซึ่งเกิดจากความไม่รู้ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะไปมอบภาระให้เด็กอย่างที่คิดกันว่าห่วงเด็กข้างหน้าเขาจะได้เป็นคนดีหรือเปล่าถ้าเขาไม่มีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมเลย แต่ว่าผู้ใหญ่ล่ะ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รู้ไม่เข้าใจแล้วใครจะสอนเด็ก เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาสำหรับทุกคน ไม่เว้น ไม่ใช่ว่าสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ได้เริ่มเห็นประโยชน์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใด คือ จากความไม่รู้มานานในสังสารวัฏฏ์สามารถที่จะเริ่มเกิดความรู้ความเข้าใจซึ่งตลอดชีวิตมากเท่าไหร่ ความเข้าใจก็ต้องมากเท่านั้น จึงจะสามารถที่จะค่อยๆ ละคลายกิเลสได้

~ อะไรที่จะสืบสานพระธรรมวินัยไว้ได้? การเข้าใจธรรม โดยการฟังพระธรรม จะอ่าน จะฟังก็ได้ ไตร่ตรองว่าคำนั้นเป็นคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ให้เข้าใจขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้ว การอ่านก็เหมือนการฟัง ตัวหนังสือมีเสียงทุกตัว อะไรก็ได้ที่จะทำให้เข้าใจธรรม จะอ่านหรือฟังหรือสนทนากันหรือสอบถาม ทุกอย่างที่เป็นมงคล นำมาซึ่งความเจริญ และความเจริญจริงๆ ต้องเป็นความเจริญเพราะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง.


^^ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนของการสนทนาได้ที่นี่ครับ^^

สืบสานพระธรรมวินัย

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
flint
วันที่ 20 ก.ค. 2561

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
panasda
วันที่ 20 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Sottipa
วันที่ 21 ก.ค. 2561

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 22 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Boonyavee
วันที่ 22 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 24 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ