พระพุทธศาสนาประจำใจ_ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรมที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑

 
khampan.a
วันที่  19 ก.ค. 2561
หมายเลข  29931
อ่าน  1,749

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธศาสนาประจำใจ
ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม
ที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ จ.เชียงใหม่
วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑




































~ เวลานี้ทั่วโลกคิดว่าพระพุทธศาสนาคือสำนักปฎิบัติ มาที่เมืองไทยมาทำอะไร มาปฏิบัติธรรมที่สำนักปฏิบัติ อย่างนี้วิกฤต (เสื่อมอย่างหนัก) หรือเปล่า?

~ พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก เพราะไม่เข้าใจแม้แต่คำว่าธรรมหรือสิ่งที่กำลังมี เพราะฉะนั้นก็วิกฤต ก็ต้องรู้ว่าต้นตอของความวิกฤตก็อยู่ที่ความไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นจะแก้ไขด้วยวิธีไหน จะแก้โดยวิธีอื่น ไม่มีทางสำเร็จนอกจากให้คนที่ไม่รู้ว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร ได้เริ่มสนใจและเริ่มเข้าใจ

~ ความไม่รู้ไม่เข้าใจอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่แต่ละคน เพราะฉะนั้น จะไปแก้อะไรที่ไหน ปัญหาทั้งหมดมาจากคนแต่ละคนในโลก เพราะฉะนั้น จะแก้ปัญหาจริงๆ ก็ต่อเมื่อแต่ละคนไม่มีปัญหาและที่จะไม่มีปัญหาได้ก็เพราะมีความเข้าใจถูกต้องในพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง

~ ปัญญาตรงต่อสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้จริงๆ และความจริงของสิ่งที่มีจริง ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

~ มีคนที่สนใจพระพุทธศาสนามากหรือน้อย เพราะฉะนั้น คนที่ไม่รู้ก็เหมือนพวกเดียรถีย์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่หนึ่ง เขาก็ไม่ไปเฝ้าเลยแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกล เพราะไม่เห็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นประโยชน์แล้วเท่านั้นที่จะมีสิ่งซึ่งสามารถที่จะติดตามไป คือ การเห็นประโยชน์ของการที่เกิดมาแล้วได้รู้ความจริง

~ จะตายวันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เกิดมาแล้วไม่พ้นความตาย, วันนี้สนุกมาก หมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ ทุกอย่างที่ผ่านมาไม่เหลือเลย แต่ว่าสะสมความดีและความชั่วสืบต่อไปในจิตทุกขณะ

~ ไม่มีอะไรที่จะไปละความไม่รู้และความชั่วทั้งหลายได้ นอกจากความเข้าใจถูก เพราะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

~ การเป็นพระภิกษุ ยิ่งต้องขัดเกลากิเลสตลอดชีวิต ไม่ต้องหุงหาอาหารไม่ต้องทำกิจการงานเหมือนอย่างคฤหัสถ์ เพียงแต่อุทิศชีวิต เพราะได้ฟังพระธรรมเห็นคุณค่าที่จะศึกษาและประกาศพระศาสนาที่ถูกต้องให้คฤหัสถ์ได้เข้าใจถูกต้องนั่นคือหน้าที่ของพระภิกษุ

~ ภิกษุผู้ไม่มีความละอาย (อลัชชี) สามารถทำในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติว่าภิกษุทำไม่ได้ แต่ทำ

~ อาหารที่เขาถวายแก่พระภิกษุ เพื่ออะไร? เพื่อภิกษุจะมีชีวิตดำรงอยู่ต่อไป เพื่อศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลส ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ก็เป็นโจรปล้นอาหารที่เขามอบให้แก่ภิกษุที่ศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสหรือเปล่า? เพราะอาหารนั้น ไม่ใช่สำหรับคนที่ไม่ละอาย แต่อาหารนั้นสำหรับผู้ที่เข้าใจธรรมขัดเกลากิเลสไม่มีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป ถ้าไม่ประพฤติอย่างนี้ อาหารที่เขาถวายให้ทุกคำ เหมือนกับปล้นไปจากคนที่สมควรที่จะได้รับมาบริโภค

~ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัย รู้หรือเปล่าว่า ด้วยพระมหากรุณาที่จะให้ผู้นั้นไม่มีโทษในการที่จะสละอาคารบ้านเรือนและดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เป็นศากยบุตรเกิดจากพระอุระคือศีลทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้ เพราะฉะนั้น ถ้าผิดจากนี้ ก็ไม่ใช่ศากยบุตร ไม่ใช่ผู้ที่ดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเหตุว่า ไม่เห็นคุณของศีลแต่ละข้อ

~ การที่รู้ความจริงว่าภิกษุคือใคร ก็จะทำให้ไม่วิกฤตต่อไป ถ้าทุกคนมีความเข้าใจถูกแล้วจริงใจ ตรง อาจหาญกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก และพูดคำที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยด้วย ถ้าพูดตามพระธรรมวินัย ผิดตรงไหน เพราะเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด

~ กล้าที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด

~ เป็นคนดีในชาตินี้เสียเลย พอไปถึงชาติหน้าก็ยังมีความดีอย่างนี้ มีความเข้าใจธรรมที่สะสมอยู่ในจิตที่จะเจริญเติบโตต่อไป เป็นมงคลต่อไป

~ การกล่าวถึงพระธรรม เปิดเผยให้เข้าใจความจริงของพระธรรมทั้งหมดรวมถึงพระวินัยด้วย ก็เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจถูกว่า นี่คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มิฉะนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ พระพุทธศาสนาประจำใจคนในชาติ (จึงจะถูกต้อง) เข้าใจธรรมเมื่อไหร่ ไม่ต้องประกาศก็รู้ว่านี่แหละประเทศไทยที่มีพระพุทธศาสนา มีความเข้าใจถูกและประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้แล้วก็ไปประกาศว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ก็มีแต่ชื่อ แม้แต่พฤติกรรมทั้งหมดซึ่งไม่เข้าใจอะไรเลย เช่นแผ่เมตตากับมีเมตตาเหมือนกันไหม ยังไม่รู้จักเมตตาแต่นั่งท่องเมตตา (แผ่ไปหมดเลย) ไม่จริงแล้วพูดทำไม หลอกทำไม ลวงทำไม เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีทางที่จะแก้วิกฤตได้ นอกจากความเข้าใจจริงๆ ซึ่งจะนำประเทศชาติไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องนั่นแหละแก้วิกฤตได้ และ ไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทย ใครก็ตามที่เข้าใจถูกต้องในความจริง ปฎิเสธไม่ได้เลย ต้องมาจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่ต้องไปประกาศเลย

~ ตอนนี้คนส่วนใหญ่คิดถึงเด็ก อยากจะให้เด็กเข้าใจธรรม อยากให้เด็กเป็นคนดี แล้วเด็กจะดีได้อย่างไรถ้าผู้ใหญ่ไม่ดี ถ้าผู้ใหญ่ไม่ฟังธรรมไม่เปิดธรรมให้เด็กได้ยินแล้วเด็กจะรู้อะไร ต่อไปข้างหน้าเด็กก็สนใจอย่างอื่น เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ธรรม ไม่ใช่สำหรับใครโดยเฉพาะ แต่สำหรับทุกคนที่สามารถที่จะเข้าใจและเห็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเด็ก ถ้าผู้ใหญ่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเมื่อไหร่แล้วเด็กได้ยินได้ฟังจากผู้ใหญ่นั่นแหละเด็กก็จะเป็นคนดีได้ แต่ว่าถ้าพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ใหญ่ที่มาจากความไม่รู้ทั้งหมดแล้วเด็กคุ้นเคย เด็กก็ทำตามสิ่งที่คุณเคยไม่เห็นว่าเป็นโทษเพราะเคยเห็นผู้ใหญ่ทำ, อะไรเป็นภัยที่ใหญ่ที่สุด โรคที่ร้ายแรงที่สุดยิ่งของโลกหรือของใครทั้งหมด อยู่ที่ไหน จะกำจัดโรคนั้นได้อย่างไร จะกำจัดภัยนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่อยู่ที่เด็ก แต่ทุกคนที่เป็นโรคไม่รู้นั่นแหละเป็นภัยยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะห่วงเฉพาะเด็กโดยไม่คำนึงถึงผู้ใหญ่ นั่น ไม่ถูกต้อง เพราะเด็กจะรู้ได้อย่างไรถ้าผู้ใหญ่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ใหญ่นั่นแหละไม่เลือกวัยด้วยว่าจะเป็นวัยไหน เมื่อเข้าใจแล้วก็สามารถทำให้คนอื่นได้ดูพฤติกรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่คาดหวังให้เด็กรู้แต่ตัวเองไม่รู้ แล้วลองคิดดู ถ้าเด็กรู้แต่ผู้ใหญ่ไม่รู้ เป็นอย่างไร อายเด็กไหม

~ ภิกษุคือใคร เป็นผู้ทำเวทมนต์คาถา หรือ ศึกษาพระธรรมวินัย อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต?

~ พระพุทธศาสนา แสดงให้เข้าใจความจริง เมื่อรู้ความจริงแล้ว ตามอัธยาศัยที่สะสมมาต่างกัน ใครจะขัดเกลากิเลสในเพศคฤหัสถ์ ใครจะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต แต่ต้องไม่ลืมว่า ต้องฟังธรรมศึกษาพระธรรมจึงจะเข้าใจ จึงสามารถที่จะขัดเกลากิเลส ถ้าไม่เข้าใจธรรมจะขัดเกลากิเลสได้ไหม? ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เพื่อเข้าใจธรรมแล้วบวชทำไม เพราะเป็นคฤหัสถ์ก็เข้าใจธรรมได้ ขัดเกลากิเลสได้

~ กิจที่จะทำอย่างอื่นนอกจากศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสเป็นกิจของพระภิกษุหรือเปล่า? นี่คือข้อที่รักษาโรคไม่รู้ซึ่งเป็นวิกฤต เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจตรงตามความเป็นจริงตั้งแต่เบื้องต้น และพฤติกรรมที่ตามมาก็จะต้องเป็นเครื่องชี้ชัดว่าเป็นไปตามพระธรรมวินัยหรือเปล่า?

~ คฤหัสถ์มีเมตตามีความหวังดี มีความกรุณา (ช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำ) ข่าวที่ได้รับ ก็นำมาซึ่งความปิติในคุณความดี เช่น มีร้านอาหารที่ให้คนรับประทานโดยไม่ต้องเสียเงินทั้งวัน เพื่อร่วมยินดีกับผู้ที่มีจิตเมตตาอนุเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อที่จะให้ผู้ที่ประสบภัยได้พ้นจากภันนั้นแล้วก็สำเร็จด้วยและเป็นความจริงด้วย

~ ทำไมไม่คำนึงถึงพระธรรมวินัย ถ้าเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ภิกษุทำอย่างอื่นไม่ได้เลยทั้งสิ้น เพราะสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิตแล้ว ถ้าอยากจะช่วยเหลือคฤหัสถ์ (เหมือนอย่างคฤหัสถ์) ต้องสละเพศบรรพชิตสู่เพศคฤหัสถ์ ช่วยเหลือเต็มที่เลย เพราะเหตุว่าต้องเคารพในพระธรรมวินัยซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้อุปสมบท (บวช) เพื่อประพฤติขัดเกลากิเลสตามพระองค์ ซึ่งจะต้องบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาตั้งแต่ตื่นจนถึงหลับ เพราะฉะนั้น ต้องรู้จริงๆ เพื่อเป็นผู้ที่มั่นคงในการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเป็นที่เคารพบูชาสูงสุด

~ เด็กที่ติดในถ้ำออกมาได้จากผู้ที่มีจิตเมตตาและก็ช่วยเหลือ ถ้าบุคคลเหล่านั้นไม่ไปที่นั่น เด็กจะรอดชีวิตไหม เห็นกับตาอย่างนี้แล้วจะคิดอย่างอื่นหรือ?

~ คนที่เข้าไปสู่พระวิหารเชตวัน รู้เลยว่าไปทำไม? ไปเพื่อฟังพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ได้มีการไปทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่วิสัยที่จะไปทำในที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ที่สงบ

~ วัดมีการก่อสร้างมากมาย สร้างกันไม่จบ ใช่ไหม? ประเทศชาติสูญเสียเงินไปเท่าไหร่ สร้างเสร็จแล้วได้อะไรจากเงินมหาศาลนั้น คิดดู ได้ธรรมสักข้อหนึ่งไหม ได้ความเข้าใจถูกไหม หรือกลับเป็นที่เพาะความเห็นผิด เช่น สำนักปฏิบัติ เป็นต้น.

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
panasda
วันที่ 19 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Boonyavee
วันที่ 19 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 19 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pulit
วันที่ 20 ก.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 20 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chuchart_skyblue
วันที่ 20 ก.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะท่านวิทยากร ทุกท่านครับ กระผมได้ติดตามศึกษาหาความรู้ด้านพระพุทธศาสนาและคำสั่งสอนที่ถูกต้องของท่านอาจารย์สุจินต์ทางสื่อออนไลน์มานาน วันนี้เป็นครั้งแรกที่กระผมและภรรยาได้มีโอกาสมากราบท่านอาจารย์และคณะท่านวิทยากร พร้อมกับได้รับความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นครับ กระผมจะขอติดตามศึกษาธรรมจากท่านอาจารย์ตลอดไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 20 ก.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ