ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๔
~ถ้าไม่เห็นโทษของอกุศล กระทำอกุศลอยู่เนืองนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา วันหนึ่งใครจะรู้ได้ว่า ท่านจะกระทำอกุศลกรรมหนักเพียงไร เพราะว่าการที่จะกระทำอกุศลกรรมหนักๆ ได้ ย่อมมาจากการกระทำไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งขาดความละอายแล้วก็สามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมที่ร้ายแรงได้
~เจริญกุศล(ทำความดี)ทุกประการ เพื่อที่จะขัดเกลาอกุศล ด้วยความจริงใจที่จะละคลายอกุศล ไม่ใช่ต้องการหรือปรารถนาสิ่งอื่น นี่คือผู้เห็นคุณของพระธรรม และเห็นโทษของอกุศล และก็รู้ว่า สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้คือปัญญา เพราะเหตุว่าสิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
~แม้แต่ทำกุศล แต่ปรารถนาผลอื่นของกุศลนั้น ก็เป็นจิตที่ตั้งไว้ผิด เพราะเหตุว่าสามารถจะนำมาได้แต่วัฏฏะ ไม่สามารถจะนำออกจากวัฏฏะได้
~ถ้าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ยังไม่ได้พิจารณาพระธรรม ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็ลองคิดดูว่า ชาตินี้ทั้งชาติจะจบลงอย่างไร ก็ต้อง(จบลง)ด้วยกิเลสที่หนาขึ้นๆ ทุกวัน แต่ถ้ามีโอกาสได้ฟัง ละคลายความไม่รู้ อบรมเจริญกุศลทุกประการเพิ่มขึ้น ก็เป็นชาติที่มีประโยชน์ เมื่อกระดูกทุกชิ้นยังรวมกันอยู่ ยังไม่กระจัดกระจาย ก็ควรที่จะให้เป็นประโยชน์ในการที่จะได้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้น
~เห็นคุณของพระธรรม ว่า อนุเคราะห์ให้ชีวิตทั้งชีวิต ซึ่งเกิดมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ได้มีโอกาสได้รู้ความจริงซึ่งยากที่จะรู้ เมื่อรู้แล้วก็เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่ได้ท้อถอย แต่รู้ว่าชีวิตควรจะดำเนินไปอย่างไร ที่ขาดไม่ได้คือการที่จะได้เข้าใจธรรม เท่าที่จะมีโอกาสตามเหตุตามปัจจัย ทำความดีทุกขณะที่สามารถจะกระทำได้ อย่างนั้นก็จะเป็นผู้ที่ได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ กับการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังธรรม (ทำดีและศึกษาพระธรรม)
~เคยโกรธใคร จะไม่ให้อภัยคนนี้แล้ว แต่ธรรมเตือนใจ มาแล้ว ความโกรธเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นอกุศลธรรม เกิดแล้วจะสะสมสืบต่อไปทุกชาติ เพราะฉะนั้น ขณะนั้น อภัยเลยทันทีหรือยัง?
~คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล้ำค่า เพราะสามารถที่จะทำให้สภาพธรรมที่เป็นอกุศล ค่อยๆ เบาบางลงจนกระทั่งสามารถเป็นผู้ที่ไวในกุศล
~ถ้าสามารถที่จะช่วยให้คนใดคนหนึ่ง แม้เพียงหนึ่งคน ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะช่วยให้คนนั้นออกจากสังสารวัฏฏ์
~เห็นโทษของอกุศล ว่า โทษนั้น ไม่ได้เป็นโทษของคนอื่นทั้งสิ้น แต่เป็นโทษของตัวเองทั้งนั้น แล้วยังจะเพิ่มโทษให้กับตนเองทุกวันหรือ?
~ไม่สะสมกิเลส(เครื่องเศร้าหมองของจิต) มากๆ อย่างเดิม เหมือนเดิม เอาไปทำไมกิเลส เพราะกิเลสเป็นโทษกับตนเอง นำไปนรก
~การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุศล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม
~พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะทรงแสดงกับใครในยุคนั้นสมัยนั้น ก็เป็นเสมือนว่าทรงแสดงกับแต่ละคนที่กำลังได้ฟังในยุคนี้สมัยนี้
~พระพุทธศาสนาเป็นพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งผู้ที่เป็นสาวก คือ ผู้ฟังพระธรรมของพระองค์ จะต้องพิจารณาให้เกิดปัญญาของตัวเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด โดยไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่างนี้ ก็จะไม่ใช่การประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
~ไม่ควรที่จะประมาทในเรื่องของอกุศล และก็จะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ย่อมเป็นประโยชน์ในทุกทางที่จะให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าต้องการที่จะเจริญปัญญา เจริญกุศล ก็ต้องไม่ประมาทที่จะรู้จักอกุศลของตนเองด้วย
~ถ้าไม่มีความเข้าใจว่า บุญคือการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และขัดเกลากิเลสของตนเอง ก็ไปทำสิ่งที่ไม่ใช่บุญ แต่หลงเข้าใจว่าเป็นบุญ
~ไม่โกรธ เป็นบุญไหม? แค่นี้ก็ต้องรู้ว่า บุญคือขณะที่จิตไม่ประกอบด้วยอกุศลเจตสิก นั่นเอง
~ไม่โกรธใครก็เป็นบุญ ไม่ริษยาใครก็เป็นบุญ ไม่กลั่นแกล้งใครก็เป็นบุญ อภัยให้ใครก็เป็นบุญ
~ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีกว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้เข้าใจ เพื่อตัวเราที่จะไม่เป็นอกุศล ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงสารพัดอย่างตั้งแต่เล็กน้อยที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด (การฟังพระธรรม) ก็เป็นบุญ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ความดี ถ้าเข้าใจ เมื่อไหร่ก็เกิดได้ คิดดีกับคนอื่นได้ไหม? แค่นั้นก็เป็นบุญ ไม่ใช่คิดร้ายกับคนอื่น
~พูดดี เป็นบุญไหม? จากเคยนิสัยที่พูดไม่ดี พอเห็นโทษของการพูดไม่ดี (ขณะที่พูดไม่ดี เป็นอกุศล ซึ่งทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย) ขณะที่ไม่พูดคำที่ไม่ดี ก็เป็นบุญ
~บุญไม่ยากเลย ไม่ต้องไปหาเงินทองอะไรมาก็สามารถที่จะทำได้ โดยเฉพาะความเข้าใจธรรม ยากที่จะเข้าใจ แต่ประโยชน์มหาศาล
~โอกาสเดียวที่จะทำให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ คือ ฟังพระธรรม เพราะเป็นโอกาสที่ประเสริฐ เป็นโอกาสที่จะไม่ทำให้ความไม่รู้เพิ่มขึ้น มีแต่ทำให้ความรู้เพิ่มขึ้น
~ยิ่งรู้ว่าอกุศลมากเท่าไหร่ เกิดมาเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่ว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลัง ที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี(ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณ จำนวนของอกุศลซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล
~ปัญญาเท่านั้น ที่จะทำให้เป็นผู้ละเอียด และรู้ถึงความควรและไม่ควร มากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวัน
~บุญ (สภาพธรรม ที่ชำระจิตให้สะอาด) ไม่ยากเลย เพียงฟังพระธรรมเข้าใจ ก็เป็นบุญแล้ว ขณะ(ที่ฟังพระธรรม)นี้ จึงเป็นโอกาสของบุญจริงๆ
~ผู้ที่ศึกษาธรรมและพิจารณาโดยละเอียด ก็ย่อมจะเห็นประโยชน์ของการที่จะไม่ละโอกาสแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่จะกระทำกุศล
~ถ้าจิตดี กายก็จะดี การกระทำทุกอย่างก็จะอ่อนโยนนุ่มนวล ขณะนั้นเป็นไปตามสภาพจิตที่ดี
~ทุกอย่างที่เกิด เกิดเพราะเหตุปัจจัย มั่นคงหรือยังกับคำนี้?
~ฟังธรรมเพื่อเข้าใจความเป็นจริงของธรรมยิ่งขึ้น
~เข้าใจตอนไหน ขณะนั้นก็ละความไม่เข้าใจ
~พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงธรรมให้คนอื่นเป็นคนชั่ว หรือ เป็นคนเลว แต่เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังเองที่ต้องเป็นผู้ที่มั่นคง หนักแน่นในการที่จะเป็นคนดี แต่ว่าจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นด้วย
~ปัญญาเป็นแสงสว่างที่จะนำทางชีวิตไปสู่ความดีทั้งปวง.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๓
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...