ภิกษุไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการสวดอภิธรรมศพ แต่มีผู้เห็นแย้งว่าควรสวด ขอความเข้าใจครับ

 
Tommy9
วันที่  5 มี.ค. 2560
หมายเลข  28652
อ่าน  986

กระผมนั้นเห็นตามที่ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าวถึงการนิมนต์ภิกษุสวดอภิธรรม ซึ่งไม่เกิดประโยชน์เพราะสวดคำที่ไม่มีใครเข้าใจ เมื่อไม่มีใครเข้าใจแล้วสวดให้ใครฟัง คนตายก็ไม่ได้ยินแล้ว คนเป็นก็ฟังภาษาบาลีที่ภิกษุสวดไม่รู้เรื่อง แต่มีผู้เห็นว่าควรสวดอภิธรรม โดยยกตัวอย่างค้างคาว 500 ตัวที่ได้ฟังการสวดอภิธรรมแล้ว จิตเกิดเลื่อมใสศรัทธา พอตายไปก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์จนได้สำเร็จมรรคผลในชาติต่อไป และเปรียบเทียบกับเหมือนเราฟังเพลงภาษาอื่นแม้ไม่เข้าใจภาษา แต่ก็อาจจะชอบได้ (ไม่เข้าใจภาษาที่สวดก็เลื่อมใสศรัทธาได้ จนทำให้เกิดกุศลจิตได้) จึงขอความอนุเคราะห์ความเห็นถูกครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 5 มี.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่ง จะให้ทุกคนเป็นเหมือนค้างคาว ๕๐๐ ได้ไหมซึ่งเป็นผู้สะสมมาที่จะได้เป็นผู้ชำนาญในอภิธรรม ต้องเป็นผู้มีเหตุมีผล มั่นคงในความจริง ไม่ใช่นิมนต์พระภิกษุมาสวดพระอภิธรรม จะให้ทุกคนเกิดกุศลจิตถือนิมิตในเสียงแล้วไปเกิดในสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะธรรมไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น สิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว คือ เจริญกุศล ทำความดี แล้วอุทิศไปให้ ไม่ใช่การทำอะไรตามๆ กันด้วยความไม่รู้ และสิ่งที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะเหตุว่า อภิธรรม ไม่ได้อยู่ในตำรา แต่มีจริงทุกๆ ขณะในชีวิตนี้เอง ซึ่งเป็นธรรมที่มีจริงๆ ละเอียด ลึกซึ้ง ปฏิเสธความเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นตัวตนอย่างสิ้นเชิง ครับ [เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓- หน้า ๓๑๕ ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป ภิกษุเหล่านั้นเป็นค้างคาวหนูห้อยอยู่ที่เงื้อมแห่งหนึ่ง เมื่อพระเถระ ๒ รูป จงกรมแล้วท่องอภิธรรมอยู่ ได้ฟังถือเอานิมิตในเสียงแล้ว. ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า "เหล่านั้น ชื่อว่าขันธ์ เหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ "ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในเรือนตระกูลในกรุงสาวัตถีเกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์ บวชในสำนักของพระเถระแล้ว ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อนกว่าภิกษุทั้งปวง แม้พระศาสดาก็ทรงแสดงอภิธรรมโดยทำนองนั้นแล ตลอด ๓ เดือนนั้น

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Tommy9
วันที่ 5 มี.ค. 2560

กราบขอบพระคุณอ.คำปั่น และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 6 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 8 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 11 มี.ค. 2560

พระภิกษุที่รักษาพระวินัยจะไม่รับเงินและทอง แต่สมัยนี้พระภิกษุไปสวดพระอภิธรรมงานศพ เพื่อจะได้รับซองเงินจากคฤหัสถ์เป็นอาบัติค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สุณี
วันที่ 13 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วิริยะ
วันที่ 14 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 15 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
p.methanawingmai
วันที่ 16 มี.ค. 2560

สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ