การมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย

 
แต้ม
วันที่  2 ส.ค. 2559
หมายเลข  28041
อ่าน  2,395

ในพระไตรปิฎกมีคำกล่าวว่า "การมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ ได้บุญมากกว่าการสร้างวิหารทาน" ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ละเอียดลึกซึ้งมาก ผมได้ไปสนทนากับผู้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด ถือศีล ๘ เขามีความเข้าใจว่า การมีจิตเลื่อมใสหมายความว่า กราบไหว้ ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ทำวัตรเช้า - เย็น ผมขอความกรุณาช่วยอธิบายเพิ่มเติมในคำกล่าวนี้ด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 2 ส.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ การเลื่อมใสในสิ่งที่ประเสริฐ นี้ เป็นคุณความดี เมื่อเหตุที่ดีมีแล้ว ผลที่ดีก็ย่อมเกิดขึ้นตามควรแก่เหตุ ความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเกิดขึ้นได้ยากกว่าการให้ทานโดยทั่วๆ ไป เพราะเหตุว่าต้องรู้จักถึงความเป็นรัตนะที่ประเสริฐนี้ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูก ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสด้วยพระองค์เอง พระองค์เสด็จอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรมหมดจดจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลส เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และถ้าผู้นั้นไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้นก็สะสมปัญญาเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้าหากไม่มีพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้ เพราะฉะนั้น การเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา ไม่ใช่ทำอะไรตามๆ กัน หรือน้อมบูชาในสิ่งที่ตนเองไม่รู้จัก และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยการฟังการศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และเพราะมีปัญญาเข้าใจความจริง ก็จะเป็นเหตุให้น้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงามต่อไป คล้อยตามปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น และที่สำคัญอย่างยิ่ง การมีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย อย่างไม่หวั่นไหว เลยนั้น ก็ต้องถึงความเป็นพระอริยบุคคล

สำหรับปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำอะไรๆ ตามๆ กันด้วยความไม่รู้ เพราะจะต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นจริงของสภาพธรรม และ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องมีรากฐานที่สำคัญจากการได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่เป็นไปด้วยความอยาก ความเห็นผิด ความไม่รู้ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แต้ม
วันที่ 3 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kullawat
วันที่ 3 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 3 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 5 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kukeart
วันที่ 9 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 9 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 11 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ