ถามสภาวธรรมครับ

 
verybong
วันที่  7 มี.ค. 2559
หมายเลข  27540
อ่าน  891

ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผมเข้าไปเจอสภาวะอะไรบางอย่างในขณิกสมาธิครับ คือ มันเหมือนเห็นจิตเกิดดับต่อกันเป็นสาย เห็นชัดมาก เคลื่อนที่ช้าๆ เกิดแล้วก็ดับต่อๆ กันไป ตรงกลางของภาพเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้เกิดดับ ไม่ได้เคลื่อนที่มันอยู่อย่างนั้นของมันอยู่แล้ว พอภาพสิ้นสุดลง ผมเดินไปกินนํ้าในหัวของผมคิดทบทวนสภาวะเหล่านั้นว่าคืออะไร แล้วจู่ๆ ผมก็คิดถึงคําพูดที่ว่า"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิด สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา"แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกดีใจเล็กน้อยเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเข้าใจมันมาก่อนเลย วันต่อมาผมก็เข้าใจกระบวนการขันธ์ทั้ง5ชัดเจนมาก ทั้งที่ผมอ่านหนังสือธรรมอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าขันธ์ 5 ทําให้ทุกข์เพราะอะไร แต่ต่อมา เข้าใจว่า เราทุกข์เพราะยึดติดในขันธ์ 5 แท้ที่จริง ทุกข์มันก็มีอยู่แค่นี้เอง แค่ยึดติด จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย

รบกวนช่วยตรวจสอบหน่อยครับ ผมไม่มีความรู้ด้านวิปัสสนา พระอภิธรรม อะไรมาก่อนเลย ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญาและความเห็นถูกครับ การกระทำอะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่รู้ ทำแล้วสงสัย ทำแล้วเป็นไปในการเพิ่มอกุศลจิต อกุศลธรรม มีความไม่รู้ความไม่สบายใจ โทสะและกิเลสอื่นเพิ่มขึ้น นั่นไม่ใช่พระพุทธศาสนา เพราะเป็นหนทางที่ผิด ไม่ใช่หนทางที่ถูกและไม่ใช่ปัญญาเลยครับ แต่การกระทำอะไรก็ตามเมื่อกระทำแล้ว กุศลเจริญขึ้นและปัญญาเจริญมากขึ้น นั่นเป็นพระพุทธศาสนาและเป็นหนทางที่ถูกตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ครับ

ดังนั้น เมื่อรู้ว่าการกระทำนั้นเพิ่มอกุศล ไม่ได้เพิ่มปัญญา ความเห็นถูกอะไรเลย เพราะความเห็นถูกและปัญญาที่เจริญ ย่อมนำมาซึ่งความอาจหาญ ร่าเริงด้วยปัญญา แต่ไม่ใช่การทนไม่ได้เพราะความคิดนึกที่ไม่ถูกต้องอันเกิดจาก สมาธิ ที่เป็นสมาธิที่ผิดครับ คำว่า จงกรม ก็ดี สมาธิ ก็ดี ซึ่งถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียดแล้ว จะไม่เข้าใจผิดเลยจะไม่เข้าใจผิดว่า จงกรม และ สมาธิเป็นรูปแบบของการปฏิบัติ

เพราะจงกรม ก็คือ การเดินปกติ ไม่ใช่สร้างท่าทางขึ้นมาให้ผิดปกติ เดินตามปกตินี้เอง คือ จงกรม (ซึ่งมาจากภาษาบาลีว่า จงฺกม แปลว่า การก้าวเดินไป ก้าวไป) สภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ในขณะนั้น ส่วนสมาธิเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก มีทั้งมิจฉาสมาธิ และ สัมมาสมาธิ ซึ่งถ้าไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตนด้วยความจดจ้องต้องการว่าเป็นทางที่จะทำให้หลุดพ้น นั่นล้วนเป็นมิจฉาสมาธิทั้งหมด เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส พอกพูนสังสารวัฏฏ์ให้ยืดยาวต่อไป ส่วนสมาธิที่เป็นกุศลก็มี เพราะสมาธิเป็นเจตสิกประการหนึ่งที่เกิดกับจิตทุกประเภท (เอกัคคตาเจตสิก) ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดกับจิตประเภทใด ถ้าเกิดกับอกุศล (ซึ่งมีมากเป็นอย่างยิ่ง) เป็นอกุศลสมาธิหรือเป็นมิจฉาสมาธิ แต่ถ้าเกิดกับกุศลจิตก็เป็นกุศลสมาธิ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ต้องเริ่มที่การฟัง การศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ครับ.

เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ มีประโยชน์มาก

ตอบคำถาม FQA เรื่อง จะไปปฏิบัติ (นั่งสมาธิ เดินจงกรม)

การนั่งสมาธิ

จะนั่งสมาธิ หรือจะเข้าใจสมาธิ

สมาธินั้น...แค่ไหนจึงเป็นมิจฉาสมาธิ แค่ไหนจึงเป็นสัมมาสมาธิ.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
verybong
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ตอนนั้นผมไม่ได้นั่งสมาธิ แต่มันเกิดสมาธิอ่อนๆ ตอนนั้นผมกําลังเลื่อนโทรศัพท์เพื่อดุข้อความ ภาพที่เห็นชัดมาก เหมือนผมกําลังเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ ไม่น่าใช่นิมิต ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วเกิดอะไรขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
verybong
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ขอบคุณที่เข้ามาตอบครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 7 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หนทางเดียวที่จะทำให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริงนั้น ต้องฟังพระธรรม ต้องศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความตั้งใจจริงๆ เพราะพระธรรมทั้งหมดนั้นแสดงให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง และสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาในการที่จะรู้ธรรม ต้องเป็นปกติจริงๆ ไม่ใช่ผิดปกติ จึงขอให้กลับมาตั้งต้นที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 9 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ