พระรัตนตรัยคือเช่นไร

 
tanrat
วันที่  16 ธ.ค. 2558
หมายเลข  27305
อ่าน  9,526

พระพุทธศาสนาดำเนินมา 2558 ปี จะหมดปี 2558 เดี๋ยวก็ฉลองแค่เปลี่ยน พ.ศ.ใหม่ เพราะคิดไปแต่ในรูป รส กลิ่น เสียง กระทบสัมผัส ความเข้าใจก็คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร กราบเรียนถามท่านอาจารย์ พระรัตนตรัยคืออะไร

กราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ธ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะอันประณีต ๓ ประการ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และ พระสังฆรัตนะ คำว่า รัตนะ มีความหมายหลายอย่าง คือ ทำให้เกิดความเคารพยำเกรง มีค่ามาก ชั่งไม่ได้ เห็นได้ยาก เป็นเครื่องใช้สอยสำหรับผู้ไม่ต่ำทราม และ ให้เกิดความยินดี คุณลักษณะดังกล่าวเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ปรากฏได้ในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เพราะฉะนั้น จึงเรียกรวมว่า พระรัตนตรัย (รัตนะ ๓ ประการ) การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งเพราะขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะแม้พระพุทธเจ้า จะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัย การระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่ง ให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากกิเลส และ เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมสามารถทำให้ดับกิเลส พ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และ เพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตนขณะนั้นก็พ้นจากภัย คือ อกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ

พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนะที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลก ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เงินทอง พ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระธรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ

ที่ลืมไม่ได้เลย เราไม่สามารถทำให้ใครเห็นค่าของพระรัตนตรัย เพราะสัตว์โลก โดยมากไม่ได้สะสมศรัทธา และ ปัญญามา จึงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ที่จะเห็นสิ่งอื่น มีค่ากว่าพระรัตนตรัย พระรัตนตรัย จึงมีค่า ประเสริฐสูงสุด สำหรับผู้มีปัญญา สะสมมาเท่านั้น ครับ

ซึ่งเครื่องชี้วัด ในการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ความเข้าใจพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะความเห็นถูก ปัญญาที่เกิดขึ้น ย่อมจะเข้าใจ และละกิเลส และมีที่พึ่ง คือ ได้อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งจริงๆ และอาศัยพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง พึ่งเพื่อให้เกิดปัญญา ความเข้าใจของตนเองเป็นสำคัญ

ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในสมัยพุทธกาลโดยมากแล้ว เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงขอถึงพระรัตนรัยเป็นที่พึ่ง คือ มีความเข้าใจพระธรรม เกิดปัญญา จึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่จะศึกษา อบรมปัญญาต่อไป โดยที่ไม่อาศัยพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพื่อเหตุอื่นมีการได้รับสิ่งที่ดี เป็นต้น

ส่วนผู้ที่ไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรมผิด ไม่ถูกต้อง แม้จะกล่าวอยู่ แต่กล่าวในสิ่งที่ไม่รู้ เพราะเมื่อไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่เห็นพระพุทธเจ้า คือ เห็นด้วยปัญญา ก็ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งผิดๆ ด้วยการเพื่อให้ได้สิ่งที่ดี เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริง ก็คือ อาศัยพระรัตนตรัย และศึกษาพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้น จะเป็นที่พึ่งกับตนเองอย่างแท้จริง การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงขาดความเข้าใจพระธรรมไม่ได้เลยครับ

ดังนั้น ที่พึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจากกิเลส จากอกุศลกรรม คือ ความดี ประการต่างๆ เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ ประการต่างๆ และพ้นจากความทุกข์ใจชั่วขณะนั้น และพ้นจากการเกิดในอบาย ตราบเท่าที่กรรมดีให้ผล แต่ความดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตราบใดที่ไม่ใช่ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นธรรมที่ละกิเลส ละภัยประการต่างๆ ได้อย่างแท้จริง เพราะสามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่มีการเกิดอีก ก็ไม่ต้องได้รับทุกข์ภัย และไม่ต้องแสวงหาที่พึ่งอีก เพราะพ้นภัยประการทั้งปวงแล้ว

ซึ่งปัญญาจะมีได้อย่างไร หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งพระธรรมที่ถูกต้องมีได้ เพราะอาศัยการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และผู้ที่รู้ตามมี คือ พระอริยสาวกทั้งหลาย ดังนั้นการจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็เพราะมีปัญญา ความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่อาศัย พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้วมาช่วย แต่เพราะอาศัยความเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ย่อมศึกษาพระธรรม เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง ขณะนั้นได้ที่พึ่งคือ ปัญญาแล้ว พ้นจากอกุศลชั่วขณะที่เป็นภัย และเมื่ออบรมปัญญาด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมทำให้ละ บรรเทาที่จะไม่ทำอกุศลกรรม อันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน และเป็นภัยที่ประสบพบกันอยู่เพราะความทุกข์กาย ความเดือดร้อนประการต่างๆ จะมีไม่ได้เลย หากไม่ได้ทำอกุศลกรรมไว้

เพราะฉะนั้น การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งเพราะขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเพราะแม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัยการระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่งให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากกิเลส และเพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมสามารถทำให้ดับกิเลสพ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และเพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตน ขณะนั้นก็พ้นจากภัย คืออกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ

พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนะที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลก ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เงินทอง พ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระธรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ธ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระรัตนตรัย หมายความถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ นั้น เป็นคำที่แม้บุคคลในครั้ง ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นคำที่ยากยิ่งที่จะได้ฟัง เพราะว่าไม่ใช่ผู้เผินที่เพียงแต่ได้ยินได้ฟัง แล้วก็เก็บแต่เพียงคำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยยังไม่เห็นพระคุณที่แท้จริงที่จะได้พระนามว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทรงแสดงความจริง

พระรัตนตรัยที่จะเป็นที่พึ่งได้ ไม่ใช่พึ่งให้เรารอดชีวิตหรือว่ารอดจากกรรมชั่วที่ได้ทำแล้ว แต่เป็นผู้ที่มีความเข้าใจถูก เข้าใจในการที่เกิดมาจากไม่เคยเป็นคนนี้มาก่อนแล้วก็เกิดมาเป็นคนนี้ แต่ละหนึ่ง แล้วก็อีกไม่นาน ทุกคนก็จะหายไปจากโลกนี้ ใครจะไปก่อน ใครจะไปทีหลัง ช้าหรือเร็วนั้น อีกเรื่องหนึ่ง จากไม่เคยเป็นคนนี้ แล้วก็มาเป็นคนนี้ แล้วก็จะหมดสิ้นการเป็นบุคคลนี้ ทุกคนเหมือนกันหมด แต่ระหว่างที่ยังเป็นบุคคลนี้อยู่ ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้ ทำอะไร? นี้คือสิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าหากไม่มีการตรัสรู้และไม่มีการแสดงพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้ ไม่สามารถมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้ เพราะฉะนั้น การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับทุกคนว่า จะต้องเป็นผู้มีความจริงใจในการเจริญกุศลที่จะดับกิเลส โดยเริ่มจากความจริงใจที่มีต่อพระรัตนตรัย และจะต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ ที่จะพิจารณาว่า ตนเองมีความเคารพนับถือเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ เพื่อความไม่ประมาทและเพื่อความเจริญยิ่งขึ้นในกุศลธรรม ที่สำคัญที่สุดแล้ว คือ น้อมบูชาพระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ด้วยการประพฤติตนเป็นคนดียิ่งขึ้น พร้อมกับอบรมเจริญปัญญา ไม่ละเลยโอกาสสำคัญที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 16 ธ.ค. 2558

กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาสาธุในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

ทุกสิ่งในโลกชั่วคราว เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไปไม่กลับมาอีก สิ่งที่มีค่าที่สุดคือปัญญาที่เข้าใจความจริงว่าขณะนี้มีธรรมไม่ใช่เราค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 17 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 19 ธ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Chaiwit
วันที่ 26 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nong
วันที่ 31 ธ.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Komsan
วันที่ 11 ส.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 22 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jarunee.A
วันที่ 15 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ