อัสมิมานะกับสักกายทิฏฐิ

 
pdharma
วันที่  21 ก.ค. 2558
หมายเลข  26810
อ่าน  9,405

ใคร่ขอเรียนถามว่า คำว่า "อัสมิมานะ" กับ "สักกายทิฏฐิ" นั้นแตกต่างกันอย่างไร

ขอขอบพระคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อัสมิมานะ ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา เป็นความมีมานะ ว่าเรามีอยู่ ถือตัวว่ามีเรา ในขณะนั้น ส่วนสักกายทิฏฐิ สก (ของตน) + กาย (ที่ประชุม) + ทิฏฺฐิ (ความเห็น) คือ ความเห็นว่าเป็นกายของตน, ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน หมายถึง ความเห็นผิดในขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา ของเรา หรือเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงตามสภาพธรรม เช่น ยึดถือ ขณะที่ว่า เห็น เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นต้น ซึ่ง อสมิมานะและสักกายทิฏฐิ ต่างกันตรงที่เป็นเราด้วยความเห็นผิดและเป็นเราด้วยมานะ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 21 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อัสมิมานะ ก็คือ ความสำคัญตน ความถือตัวว่าเรามีอยู่ ความถือตัวว่าเป็นเราในนามธรรม และรูปธรรม แม้บางครั้งไม่มีคนอื่นเปรียบเทียบเลย แต่ว่ามีความเป็นเรา โดยที่ยังไม่ได้นึกถึงว่าดีกว่าเขา เลวกว่า หรือเสมอกัน แต่ในขณะนั้นเกิดความสำคัญว่าเป็นเราขึ้นได้ ตรงกับคำที่ว่า "เราเป็นนั่น" เป็นการยึดถือด้วยความสำคัญตน ส่วนสักกายทิฏฐิเป็นความเห็นผิดที่ยึดถือในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์เป็นบุคคล ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ ทิฏฐิเจตสิก ผู้ที่เป็นปุถุชน สะสมความเห็นผิดมามากในสังสารวัฏฏ์ สะสมความเห็นผิดว่ามีเรา มีสัตว์ มีบุคคล เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นต้น เพราะยังไม่ได้ดับความเห็นผิดได้อย่างเด็ดขาด ยังมีพืชเชื้อของความเห็นผิดอยู่ ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล (สักกายทิฏฐิ) ก็ย่อมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นอกุศลธรรมที่เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นจริง และที่ตั้งที่จะให้ทิฏฐิประเภทนี้เกิดขึ้น ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่จริงที่เกิดดับในขณะนี้ ที่เป็นขันธ์ ๕ ได้แก่รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ซึ่งล้วนเป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เพราะยังไม่เข้าใจตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมแต่ละอย่าง เช่น เห็นเป็นธรรม ไม่ใช่เราที่เห็น ได้ยินเป็นธรรมไม่ใช่เราที่ได้ยิน เป็นต้น จึงมีการยึดถือความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้นครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 22 ก.ค. 2558

พระโสดาบันจึงจะละสักกายทิฏฐิได้เป็นสมุจเฉท ละความเห็นผิดทั้งหมด ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 23 ก.ค. 2558

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pdharma
วันที่ 23 ก.ค. 2558

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
WS202398
วันที่ 28 ก.ค. 2558

ผมเคยได้ยินมาและเข้าใจว่า (ขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมความถูกผิดกับพระสูตรครับ ไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่)

"อัสมิมานะ" เป็น สังโยชน์เบื้องสูง

"สักกายทิฏฐิ" เป็น สังโยชน์เบื้องต่ำ

สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวตน แม้ว่าถอนความเห็นนี้ออกมาได้แล้ว แต่ความรู้สึกว่าเป็นตัวตนยังคงเกิดขึ้นจนกว่าจะเป็นพระอรหันต์ (ถอนอัสมิมานะได้แล้ว)

คล้ายๆ กับที่เราเห็นอกุศลโดยความเป็นอกุศลด้วยปัญญาแล้ว แต่อกุศลนั้นๆ ก็ยังเกิดขึ้นได้ทั้งที่เราเห็นว่ามันเป็นอกุศลนั้นแหละ แต่ความเห็นถูกว่าอะไรเป็นกุศล เป็นอกุศลก็จะนำเราไปสู่อริยมรรคมีองค์แปดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 30 ก.ค. 2558

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Miracle
วันที่ 19 พ.ย. 2561

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ