พาลวรรคที่ ๓ พระสูตรที่ ๑ ถึง ๓ - o๔-o๔-๒๕๕๘

 
มศพ.
วันที่  29 มี.ค. 2558
หมายเลข  26407
อ่าน  1,244

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ

สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.

พาลวรรคที่ ๓ พระสูตรที่ ๑ ถึง ๓

...จาก...

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ ๓๔๕

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ – หน้าที่ ๓๔๕

พาลวรรคที่ ๓

สูตรที่ ๑

(ว่าด้วยคนพาล และ บัณฑิต ๒ จำพวก)

[๒๗๖] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ คนที่ไม่รับรองตามธรรม เมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวกนี้แล ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัณฑิต ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ คนที่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัณฑิต ๒ จำพวกนี้แล.

จบสูตรที่ ๑

อรรถกถาสูตรที่ ๑

พาลวรรคที่ ๓ สูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ ความว่า ทำผิดแล้ว ไม่เห็นความผิด ของตนว่า เราทำผิด ได้แก่ ไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าทำผิดแล้ว นำทัณฑกรรม มาขอขมาโทษ.

บทว่า อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ความว่า เมื่อเขากล่าวอย่างนี้ แล้วนำทัณฑกรรมมาขอขมาโทษ.

บทว่า ยถาธมฺมํ น ปฏิคฺคณฺหาติ ความว่า เมื่อเขากล่าวว่า ข้าพเจ้าจักไม่กระทำอย่างนี้ อีก ขอท่านโปรด ยกโทษแก่ข้าพเจ้า ดังนี้ ก็ไม่ยอมรับการขอขมานี้ตามธรรม คือ ตามสมควร คือไม่กล่าวว่า จำเดิมแต่นี้ ท่านอย่าได้ทำอย่างนี้ อีก เรายกโทษแก่ท่าน ดังนี้. ธรรมฝ่ายขาวพึงทราบโดยนัยตรงกันข้ามกับที่กล่าวแล้ว.

จบ อรรถกถาสูตรที่ ๑

สูตรที่ ๒

(ว่าด้วยคน ๒ จำพวก กล่าวตู่พระตถาคต)

[๒๖๘] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนเจ้าโทสะซึ่งมีโทษอยู่ภายใน ๑ คนที่เชื่อโดย ถือผิด ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต.

จบสูตรที่ ๒

อรรถกถาสูตรที่ ๒

ในสูตรที่ ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้

บทว่า อพฺภาจิกฺขนฺติ ได้แก่ กล่าวตู่ คือกล่าวด้วยเรื่องไม่จริง.

บทว่า โทสนฺตโร แปลว่า มีโทสะตั้งอยู่ในภายใน. จริงอยู่ คนแบบนี้ ย่อมกล่าวตู่พระตถาคต เช่น สุนักขัตตลิจฉวี กล่าวว่า อุตตริมนุสสธรรมของพระสมณโคดมหามีไม่.

บทว่า สทฺโธ วา ทุคฺคหิเตน ความว่า หรือว่า ผู้ที่มีศรัทธาแก่กล้า ด้วยศรัทธาที่เว้นจากญาณ มีความเลื่อมใสอ่อนนั้น ถือผิดๆ กล่าวตู่พระตถาคต โดยนัยเป็นต้นว่า ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้านั้น เป็นโลกุตตระทั้งพระองค์ พระอาการ ๓๒ มีพระเกสา เป็นต้นของพระองค์ล้วนเป็นโลกุตระทั้งนั้น ดังนี้

จบ อรรถกถาสูตรที่ ๒

สูตรที่ ๓

(ว่าด้วยคน ๒ จำพวกที่กล่าวตู่และไม่กล่าวตู่พระตถาคต)

[๒๖๙] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมไม่กล่าวตู่ ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่ แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคต ภาษิตไว้ ตรัสไว้ ว่า ตถาคต ภาษิตไว้ ตรัสไว้ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต.

จบสูตรที่ ๓


อรรถกถาสูตรที่ ๓

ในสูตรที่ ๓ ง่ายทั้งนั้นแล.

จบ อรรถกถาสูตรที่ ๓


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 29 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

พระสูตรที่ ๑

(ว่าด้วยคนพาล และ บัณฑิต ๒ จำพวก)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงคนพาล ๒ จำพวก คือ คนที่ไม่ขอโทษเมื่อตนเอง ทำผิด และ คนที่เมื่อคนอื่นทำผิดแล้วขอโทษ แต่ไม่ยกโทษให้ ส่วนผู้ที่เป็นบัณฑิต ก็ตรงกันข้าม คือ คนที่ขอโทษ เมื่อตนเองทำผิด และ คนที่เมื่อคนอื่นทำผิดแล้ว ขอโทษ ก็ยกโทษให้

พระสูตรที่ ๒

(ว่าด้วยคน ๒ จำพวก กล่าวตู่พระตถาคต)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า บุคคล ๒ จำพวก กล่าวตู่พระตถาคต คือ มีความโกรธในภายใน และ เชื่อถือผิด

พระสูตรที่ ๓

(ว่าด้วยคน ๒ จำพวก กล่าวตู่ และ ไม่กล่าวตู่พระตถาคต)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า บุคคล ๒ จำพวก กล่าวตู่พระตถาคต คือ กล่าวในสิ่งที่พระองค์ไม่ได้แสดงไว้ ว่า แสดงไว้ และ กล่าวในสิ่งที่พระองค์ แสดงไว้ ว่า ไม่ได้แสดงไว้ ส่วนผู้ที่ไม่กล่าวตู่ก็มีนัยตรงกันข้าม คือ กล่าวในสิ่งที่ พระองค์ไม่ได้แสดงไว้ ว่า ไม่ได้แสดงไว้ และ กล่าวในสิ่งที่พระองค์แสดงไว้ ว่า ได้แสดงไว้

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

เมื่อได้กระทำความผิดลงไปแล้ว

สอบถามการขอขมาหน่อยครับ

โทษของความโกรธ

กล่าวตู่

การกล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโทษอย่างไร

…ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Noparat
วันที่ 30 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wirat.k
วันที่ 1 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 1 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 1 เม.ย. 2558

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 3 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ