จริมจิต จุติจิต พระอรหันต์

 
pdharma
วันที่  13 มี.ค. 2558
หมายเลข  26301
อ่าน  3,045

คำว่า "จริมจิต" (จะ-ริ-มะ-จิด) มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เท่าที่พบมี ๓ แห่งคือ

๑. พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 362

...ชนเหล่าชั้นชื่อว่าดับสนิทแล้ว ในขันธาทิโลกนี้ คือปรินิพพานแล้ว ด้วยปรินิพพาน ๒ อย่าง คือด้วยปรินิพพานที่ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะกิเลสวัฏฏ์อันตนให้สิ้นไปแล้ว ตั้งแต่เวลาที่บรรลุพระอรหัต และด้วยปรินิพพานที่ชื่อว่าอนุปาทิเสส เพราะขันธวัฏอันตนให้สิ้นไปแล้ว ด้วยดับจริมจิต คือถึงความหาบัญญัติไม่ได้ ดังประทีปหาเชื้อมิได้ฉะนั้น.

๒. พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 709

...เป็นผู้ถอนลูกศรได้แล้ว เพราะเที่ยวไปด้วยความไม่ประมาทนั้น ไม่หวังโลกนี้และโลกหน้าอันต่างด้วยอัตภาพของตนและของผู้อื่นเป็นต้น เป็นผู้ไม่ถือมั่นเพราะดับจิตดวงสุดท้าย (จริมจิต) โดยแท้ ย่อมดับไปเหมือนไฟหมดเชื้อฉะนั้น.

๓. พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 379

...ย่อมปรินิพพานเพราะดับจริมจิตเสียได้โดยแท้ เหมือนไฟหมดเชื่อ

บางท่านว่า จริมจิต เป็นจุติจิตประเภทหนึ่ง

บางท่านว่า จริมจิต ไม่ใช่จุติจิต เพราะ จุติจิตหมายถึง จิตดวงสุดท้ายของชาตินี้ ที่เมื่อดับแล้วก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป คือ ปฏิสนธิจิตในชาติต่อไปเกิดสืบต่อทันที แต่จริมจิต เมื่อดับแล้วไม่มีจิตใดเกิดสืบต่อ (ไฟหมดเชื้อ)

ใคร่ขอเรียนถามเพื่อความเข้าใจว่า

๑. จริมจิต เหมือนกับจุติจิตประการหนึ่งคือ จะเกิดหลังจากที่ปัญจทวารวิถีจิตดับก็ได้ หรือหลังจากมโนทวารวิถีจิตดับก็ได้ หรือว่าหลังจากภวังคจิตดับก็ได้ ใช่หรือไม่

๒. อารมณ์ของจริมจิต เป็นอารมณ์เดียวกับจิตในภพก่อน เช่นเดียวกับจุติจิต ใช่หรือไม่

๓. มีความแตกต่างกันอย่างไรหรือไม่ระหว่าง จริมจิต กับ จุติจิต

ขอขอบพระคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 13 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นการยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจในพระธรรมคำสอนทั้งหมดโดยตลอดทั้งในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ก็เข้าใจเท่าที่จะเข้าใจได้ ตามหลักฐานที่ปรากฏ ที่ได้ศึกษาค้นคว้าเท่าที่จะเป็นไปได้

-เท่าที่ค้น จะเห็นได้ว่า จริมจิต จะแสดงถึงจิต สุดท้ายจริงๆ ที่เมื่อเกิดแล้วดับไป จะไม่เป็นปัจจัยให้จิต หรือ สภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย นั่นแสดงถึง จุติจิตของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นจิตขณะสุดท้ายจริงๆ เป็นการครอบงำขันธ์ ครอบงำซึ่งการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างเด็ดขาด

-ความเป็นจริงของ จุติจิต ก็คือ จุติจิตจะไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เป็นวิบากจิต มีอารมณ์เดียวกันกับอารมณ์ของชวนจิตก่อนตายของชาติที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นอารมณ์ของโลกนี้ไม่ปรากฏเลย

-จากความเข้าใจเป็นเบื้องต้นนั้น จุติจิตของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อเกิดแล้วดับไป ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไป คือ ปฏิสนธิจิตเกิดในภพใหม่ทันที โดยไม่มีจิตอื่นคั่น จึงยังไม่ใช่จิตสุดท้ายจริงๆ เพราะยังมีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เพียงแต่เป็นคนละชาติเท่านั้น แต่ถ้าเป็นจุติจิตของพระอรหันต์แล้ว เป็นจิตขณะสุดท้ายจริงๆ เพราะไม่มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ แต่ก็เป็นจุติจิตนั่นเอง แต่เป็นจุติจิตของผู้ที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว บางแห่งจะใช้พยัญชนะว่า ปัจฉิมจิต คือ จิตขณะสุดท้าย ตามข้อความจากพระอภิธรรมปิฎก ดังนี้

พระอภิธรรมปิฎก ยมก เล่ม ๕ ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ ๑๒๖๖

คำว่า แห่งบุคคลผู้พร้อมเพียงด้วยปัจฉิมจิต ได้แก่ ......พระขีณาสพผู้พร้อมเพรียงด้วยจิตที่ไม่เป็นปัจจัยแก่ปฏิสนธิอันเป็นจิตดวงสุดท้ายแห่งจิตทั้งปวง.

(ก็คงจะได้ศึกษาค้นคว้าในความละเอียดของพระธรรมต่อไป ครับ)

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 14 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 14 มี.ค. 2558

ปกติปุถุชน หรือ พระอนาคามี ตายแล้วต้องเกิดทันที่ ยกเว้นจุติจิตของพระอรหันต์ เพราะดับเหตุปัจจัยแล้วไม่มีเหตุให้จิตเกิดอีก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pdharma
วันที่ 15 มี.ค. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 21 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ