ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๗

 
khampan.a
วันที่  11 ม.ค. 2558
หมายเลข  26022
อ่าน  1,964

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

(ภาพดอกไม้บูชาพระรัตนตรัย ที่ มศพ. บันทึกวันเสาร์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๘)

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

(ภาพ ดอกบัวบานหน้าอาคาร มศพ. บันทึก วันอาทิตย์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๘)

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๗

~ เรื่องไม่จริงเลยก็กล่าวได้ นั่นเป็นเพราะอกุศลจิต ซึ่งไม่เห็นโทษของวจีกรรม แต่ทางวาจา ไม่ได้มีแต่การพูดเท็จ ยังมีการพูดส่อเสียดเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือเพื่อทำลายคนหมู่โน้น หรือส่งเสริมคนทั้งหลายผู้แตกกันแล้ว ชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน เพลิดเพลินในความแยกกัน ไม่น่าจะสนุกเลย ที่จะเห็นคนแตกความสามัคคี แต่ผู้ที่มีอกุศลจิต ก็ยังพอใจที่จะเห็นความแตกแยก จนกระทั่งยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน แล้วก็เพลิดเพลินในความแยกกัน

~ ชีวิตในปัจจุบันนี้มีสุขมีทุกข์ไหม? มี บางครั้งก็สุข บางครั้งก็ทุกข์ ถ้าไม่มีเหตุของสุขที่จะเกิด สุขก็เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุของทุกข์ที่จะเกิด ทุกข์ก็เกิดไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่รู้เหตุของทุกข์และสุขนั้นเองว่า สุขและทุกข์อาศัยเหตุอะไรจึงเกิดขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ต้องมีเหตุมีปัจจัย

~ มงคลกิริยา คือ กิริยาที่เป็นมงคล ซึ่งไม่ใช่ดูถูกดูหมิ่น อาจจะเป็นการเคารพ อ่อนน้อม ระลึกถึงคุณ

~ ถ้าใครพูดสิ่งที่ไม่จริง ทำให้คนอื่นเชื่อ เกิดความเข้าใจผิด เสียหายมาก ก็เป็นโทษมาก แต่ถึงเขาจะพูดสิ่งที่ไม่จริง แต่คนฟังไม่เชื่อ โทษก็น้อยกว่าการที่ทำให้คนอื่นเชื่อผิด

~ ที่จะให้เห็นนรก เห็นสวรรค์เดี๋ยวนี้ ยังเห็นไม่ได้ จนกว่าจะเมื่อตายไป จะรอถึงเวลานั้นแล้วก็พิสูจน์ได้ ไปพิสูจน์กันที่โน้น แต่ว่าไม่ใช่พิสูจน์กันที่นี่

(ภาพดอกกล้วยไม้ ริมรั้ว มศพ. บันทึก วันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘)

~ บางท่านอาจจะกระทำอกุศลกรรม แล้วก็คิดว่ายังไม่ได้รับผลของอกุศลกรรม สบายดี พ้นเคราะห์พ้นกรรม แต่ความจริงไม่พ้น เพราะเหตุว่า วิบากนั้นแล อันสัตว์ผู้ทำพึงได้เสวย คือทำให้เกิดผล ได้รับวิบากในปัจจุบัน หรือในอัตภาพถัดไป คือ ในชาติหน้า หรือในอัตภาพต่อๆ ไป เหมือนอย่างชาตินี้ จะได้รับผลของอกุศลกรรม หรือกุศลกรรมก็ตามแต่ เป็นผลของกรรมที่ได้สั่งสมมาแล้วในสังสารวัฏฎ์ อาจจะเป็นกรรมในชาตินี้ หรือกรรมในชาติก่อน หรือกรรมในชาติก่อนๆ ๆ โน้นก็ได้

~ ข้อสำคัญ คือ กิเลส ยังห่วงใย ยังผูกพันในภพนี้ชาตินี้มากมายสักแค่ไหน ซึ่งควรที่จะเห็นได้จริงๆ ว่า แต่ละคนก็มีจะมีการที่จะเป็นบุคคลนี้อยู่อีกไม่นานเลย ก็จะสิ้นสภาพของความเป็นบุคคลนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ควรที่จะเจริญกุศล เพื่อที่จะละคลายความติดในการเป็นบุคคลนี้ เพราะเหตุว่าการติดในแต่ละภพแต่ละภูมิของการเป็นแต่ละบุคคลนี้มีมากมายหลายประการ ที่จะทำให้อกุศลเพิ่มพูนขึ้น

~ มานะก็เหมือนกับลูกโป่งซึ่งเต็มไปด้วยลมลอยไป ก็เท่านั้นเอง พองขึ้นก็เพราะลม นั่นคือลักษณะของมานะ คือ ความสำคัญตน แต่ว่าที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไร ก็ต้องหมดสิ้นไป เพราะฉะนั้น ใครที่มีมานะเพิ่มมากขึ้น ก็คิดถึงลูกโป่งซึ่งกำลังพองขึ้นด้วยลม และก็กำลังจะลอยขึ้นๆ เท่านั้นเอง

(ภาพ ดอกบัวบานหน้าอาคาร มศพ. บันทึก เสาร์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๘)

~ ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง และทรงแสดงว่าเป็นอนัตตา ไม่ว่าจะฟังก็มีความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นว่า ที่เคยไม่รู้ธรรม ไม่เคยเข้าใจธรรม ไปหาธรรม ก็คือจนถึงขณะนี้ ก็คือธรรมที่ฟัง เพื่อเข้าใจธรรม

~ ผู้ที่เป็นปุถุชน ที่ยังล่วงทุจริตกรรมเพราะขาดหิริโอตตัปปะ ไม่เห็นว่าอกุศลกรรมในขณะนั้นเป็นสิ่งที่ควรละอาย และเป็นสิ่งที่ควรเว้น จึงล่วงได้ แต่ผู้ที่เป็นพระอริยบุคคล ท่านก็จะละเว้นอกุศลกรรมตามคุณธรรมของท่าน จนถึงขั้นที่เห็นภัยแม้โทษเพียงเล็กน้อยของอกุศลจิต จึงสามารถที่จะละหรือดับได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ถึงความเป็นพระอรหันต์

~ ไม่ควรที่จะหมกมุ่นเพลิดเพลินมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งไม่คิดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นสาระในชีวิต เพราะเหตุว่าถ้าจะให้รอไปจนถึงแก่เฒ่าเสียก่อน แล้วจึงจะศึกษาธรรมบ้างหรือปฏิบัติธรรมบ้าง เวลาที่ผ่านไปเหล่านี้ก็จะเป็นการเพิ่มพูนกิเลสให้ยิ่งขึ้น ทำให้การละคลายขัดเกลากิเลสยิ่งยากขึ้น

~ การศึกษาเรื่องของปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก รูป และปัจจัย คือจิต เจตสิก รูป ซึ่งต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปแต่ละขณะๆ ในวันหนึ่งๆ ก็เป็นเครื่องประกอบที่จะทำให้ปัญญาสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เมื่อสติเกิดแล้วระลึกลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

~ เมื่อใดก็ตามที่รู้ว่าตัวเองไม่ดี เมื่อนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่ว่าคนอื่นไม่สามารถที่จะละความไม่ดีนั้นได้ นอกจากปัญญาของตัวเอง

~ ความโกรธเป็นโทษเป็นภัย เป็นอันตรายของตนเอง คนที่ถูกโกรธไม่เดือดร้อนอะไรเลย เพราะฉะนั้น กิเลสของตนเองที่เกิดกำลังทำร้ายตนเอง และจะสะสมเป็นอุปนิสัยที่จะทำให้เป็นผู้ที่โกรธต่อไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็อาจจะผูกโกรธเอาไว้นานด้วย และอาจจะถึงขั้นที่ไม่ยอมให้อภัย

~ วาจาที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มี ถ้าขณะนั้นไม่สามารถที่จะงดเว้นได้ ขณะนั้นก็เป็นอกุศลจิต แต่ขณะใดที่รู้ว่า ถ้าพูดแล้วคนอื่นจะเสียใจแล้วเว้นไม่พูด ขณะนั้นเป็นกุศล นั่นเป็นกุศลในเรื่องของศีลแล้ววันหนึ่งๆ พูดกันมากที่สุดด้วยโลภะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ แต่ว่าผู้ที่จะให้เป็นวาจาสุภาษิต เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่จริง และก็เป็นสิ่งที่ทำให้สบายใจ ไม่เดือดร้อน อันนั้นก็ต้องอาศัยกุศลจิตในขณะนั้น

~ ความเข้าใจถูก ละความไม่รู้ ความติดข้อง และความเห็นผิด

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๖

(ภาพ ดอกบัวบานหน้าอาคาร มศพ. บันทึก วันอังคารที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘)

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

- สวดมนต์เป็นมงคลหรือเปล่า หรือ การสนทนาธรรมเป็นมงคล เพราะ ทำให้ละคลายความไม่รู้ และ ละคลายกิเลสเกิดปัญญา

- การพูดคำจริง เป็นการอนุเคราะห์ ไม่ใช่เป็นการพูดที่ชวนกันผิด

- ชาตินี้เห็นผิด ชาติต่อไปก็เห็นผิด หันหลังให้กับพระพุทธเจ้า เพราะ เข้าใจผิด

- ผู้ที่ตรง คือ ทำเพื่อละ เพื่อประโยชน์ ไม่ใช่ทำลายประโยชน์

- สวดมนต์ พูดคำไม่รู้จัก มีประโยชน์อะไร แต่การฟังธรรมเป็นมงคล การสนทนาธรรมเป็นมงคล

- สาวก มีพระสารีบุตร เป็นต้น ท่านไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อไปสวดมนต์หรือเปล่า หรือ ไปฟังพระธรรม สนทนาธรรม

- เมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นที่คิดเอง แม้แต่คำว่าสัตว์ ถ้าไม่มีสภาพธรรม จะมีคน มีสัตว์หรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะสัตว์บุคคลเท่านั้น แม้สิ่งต่างๆ ก็ไม่มีเพราะไม่มีสภาพธรรม แต่เพราะ มีสภาพธรรม จึงสมมติว่าเป็นสัตว์ บุคคล และ ยึดถือว่ามีเรา มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด

- เกิดแล้วเป็นแล้ว รู้ว่าเป็นธรรม เพราะขณะที่เข้าใจ ไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น ก็สะสมความไม่หวั่นไหวต่อไป คือ เข้าใจต่อไปว่าเป็นธรรม

- มีตัวตนที่จะสู้กับกิเลส อยากจะละกิเลส ไม่ให้กิเลสเกิดสำเร็จไหม แต่ กิเลสมีเหตุปัจจัยเกิดก็เป็นอย่างนั้น ควรจะเข้าใจว่ากิเลส เป็นธาตุ เป็นธรรม

- การศึกษาพระธรรม จะทำให้เราไม่เสียเวลาคิดเอง เพราะเกิดความเข้าใจถูกในขณะที่ฟังในขณะนั้น

- ใครละอายกิเลส ใครรังเกียจกิเลส ก็เป็นแต่ตัวเรา ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรม

- พระธรรมจะต้องสอดคล้องกันอย่างตลอด อย่างคำว่า อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหา ก็มีความละเอียดลึกซึ้ง ถ้ามีตัณหา จะเอาตัณหาละไม่ได้ แต่เพราะ สิ่งนี้มี จึงเข้าใจสิ่งที่มีจึงจะละสิ่งที่มีได้ ซึ่ง เพราะ อาศัย ตัณหา คือ โลภะ ความต้องการเกิดขึ้น ซึ่งมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น แต่ เมื่อรู้ว่า ตัณหา โลภะ เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา ปัญญาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยตัณหา โลภะที่เกิดขึ้น จึงชื่อว่า อาศัยตัณหา ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ละตัณหา คือ ปัญญารู้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมไม่ใช่เรา

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paew_int
วันที่ 11 ม.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pulit
วันที่ 11 ม.ค. 2558

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย อ.ผเดิม ยี่สมบุญ.

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
swanjariya
วันที่ 11 ม.ค. 2558

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

อนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์วิทยากรและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
h_peijen
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Boonyavee
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของอ. คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 11 ม.ค. 2558

สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ladawal
วันที่ 11 ม.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
dron
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
tanrat
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ปันธรรมให้บ่อยๆ ๆ แล้ว แต่ปํญญ์ธรรมยังไม่ค่อยเกิด แต่อย่างน้อยเตือนให้ได้พิจารณาตนคงยังไม่หมดกำลังใจปันธรรมให้อีก นะคะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
siraya
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
jaturong
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
j.jim
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 12 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
ch.
วันที่ 13 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
aurasa
วันที่ 13 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
nong
วันที่ 14 ม.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
wannee.s
วันที่ 22 ม.ค. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
เจียมจิต
วันที่ 11 ธ.ค. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบอนุโมทนา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
มังกรทอง
วันที่ 14 ก.ย. 2564

การศึกษาเรื่องของปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก รูป และปัจจัย คือจิต เจตสิก รูป ซึ่งต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปแต่ละขณะๆ ในวันหนึ่งๆ ก็เป็นเครื่องประกอบที่จะทำให้ปัญญาสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เมื่อสติเกิดแล้วระลึกลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
มังกรทอง
วันที่ 21 ก.ย. 2564

ชีวิตในปัจจุบันนี้มีสุขมีทุกข์ไหม? มี บางครั้งก็สุข บางครั้งก็ทุกข์ ถ้าไม่มีเหตุของสุขที่จะเกิด สุขก็เกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุของทุกข์ที่จะเกิด ทุกข์ก็เกิดไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่รู้เหตุของทุกข์และสุขนั้นเองว่า สุขและทุกข์อาศัยเหตุอะไรจึงเกิดขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ต้องมีเหตุมีปัจจัย น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ