ขณะที่ขุ่นข้องหมองใจ

 
NYC
วันที่  26 ต.ค. 2557
หมายเลข  25687
อ่าน  1,020

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ครับ ขณะที่ขุ่นข้องหมองใจ เป็นผลของกรรมหรือเป็นกิเลสที่สะสมมาเองครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่ขุ่นเคืองใจ เป็นกิเลส ไม่ใช่ผลของกรรม คือ โทสเจตสิก โทสะ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่หยาบกระด้าง ดุร้าย เปรียบเหมือนกับอสรพิษพร้อมทั้งมีลักษณะเผานิสัยของตนดุจไฟไหม้ป่า

โทสะมีหลายระดับ โทสะอย่างอ่อนๆ ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ความหงุดหงิด ความขุ่นเคืองใจ ความรำคาญใจ หรือแม้กระทั่งการหมั่นไส้ผู้อื่น ถ้าหากมีโทสะรุนแรงมาก ก็อาจถึงขั้นประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น หรือฆ่าผู้อื่นก็ได้ เมื่อเหตุไม่ดี ผลก็ย่อมจะไม่ดีอย่างแน่นอน คือ นำความทุกข์มาให้

ขณะที่เกิดโทสะนั้น กาย วาจา จะหยาบกระด้าง และย่อมแสดงกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมต่างๆ มากมาย เช่น กระแทกกระทั้น มีสีหน้าบึ้งตึง กล่าววาจาที่หยาบคาย เป็นต้น

การที่จะค่อยๆ ละคลายโทสะได้ ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ แล้วกุศลทั้งหลาย ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะค่อยๆ ละคลายกุศล และเมื่ออบรมเจริญปัญญาความรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏถูกต้องตรงตามความเป็นจริงขึ้น โทสะ ความโกรธ หรือความขุ่นเคืองใจก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง แต่ว่ายังไม่ได้ดับอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เพราะพระอนาคามีบุคคลดับโทสะได้อย่างเด็ดขาด ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อได้ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจประการต่างๆ แล้วเกิดขุ่นข้องหมองใจ ไม่พอใจในขณะนั้น ก็เพราะว่า เป็นบุคคลที่ได้สะสมมาที่จะมีอุปนิสัยอย่างนั้น ความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่พอใจจึงเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นอกุศลที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่ผลของกรรม

ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็จะเป็นเหตุให้สะสมอกุศลประการต่างๆ เป็นอุปนิสัยที่หนาแน่นขึ้น จนยากที่จะแก้ไขได้ ดังนั้น การที่จะมีธรรมเป็นที่พึ่งได้นั้น จึงต้องศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงและขัดเกลาอกุศลของตนเอง ซึ่งใครๆ ก็นำออกให้ไม่ได้ ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาด้วยความเคารพจริงๆ ครับ.

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ภาวนา มี 4 คือ

1.สัพพสัมภาระภาวนา..คือ การเจริญกุศลทุกประการ

2.สักกัจจภาวนา..คือ การเจริญกุศลด้วยความเคารพในกุศล

3.นิรันตรภาวนา คือ การเจริญกุศลให้ติดต่อต่อเนื่องไม่ขาดสาย

4.จิรกาลภาวนา คือ การอบรมเจริญปัญญาเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาหาประมาณมิได้

สาธุ ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 2 พ.ย. 2557

เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 4 พ.ย. 2557

จิตเศร้าหมอง ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นกิเลส ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 6 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ