ถ้าไม่ใช่ปัญญาไม่ใช่บารมี

 
harji
วันที่  26 ต.ค. 2557
หมายเลข  25683
อ่าน  1,158

อยากเรียนถามว่าบารมีคือกุศลที่สะสมเพื่อให้ถึงฝั่งพระนิพพาน ขอถามว่าเคยได้ยินว่า กุศลทุกประการต้องประกอบด้วยปัญญา เช่น ถ้าให้ทานก็ต้องประกอบไปด้วยปัญญา จึงเป็นบารมี แปลว่า คนที่ไม่ได้ฟังธรรมะและสัตว์ที่อยู่ในอบาย แม้จะมีกุศลแต่ก็ไม่ใช่บารมี ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บารมี โดยความหมาย คือ ธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง แสดงว่า มีสองฝั่ง ฝั่งนี้ที่เราอยู่คือ ฝั่งของกิเลสหรือฝั่งของสภาพธรรมที่เป็นตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ฝั่งของสังสารวัฏฏ์ ที่มีการเวียนว่ายตายเกิด แต่มีอีกฝั่งหนึ่ง คือ ฝั่งที่ไม่มีกิเลส ฝั่งที่ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่ทำให้ทุกข์ ฝั่งที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด และไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมเลย อันเป็นฝั่งที่เกษม คือ พระนิพพาน เป็นอีกฝั่งหนึ่ง ดังนั้น บารมี คือ ธรรมที่เป็นคุณธรรมที่ทำให้ถึงฝั่งคือ พระนิพพาน บารมีจึงเปรียบเหมือนเรือที่พาไปถึงฝั่งได้ แต่ฝั่งตรงข้ามนั้นมหาสมุทร ทะเลกว้างใหญ่ และภัยในมหาสมุทรก็มีมากมาย ทั้งน้ำวน สัตว์ร้าย ลมทะเล พายุ นั่นก็คือ หมู่กิเลสต่างๆ ที่เป็นภัยของการข้ามฝั่ง นั่นเองครับ

บารมี มีความหมายดังนี้ครับ

1. บารมี หมายถึง คุณธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง คือ พระนิพพาน บารมีย่อมผูก ย่อมประกอบสัตว์ทั้งหลายไว้ในพระนิพพานนั้น. หรือบารมีย่อมไป ย่อมถึง ย่อมบรรลุถึงพระนิพพาน

2. คุณธรรม 10 ประการ ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ ชื่อว่า บารมี นั่นคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา 10 ประการนี้ที่พระองค์ทรงกระทำชื่อว่า บารมี

3. บารมี คือ ธรรมที่ขัดเกลาสัตว์อื่นให้หมดจดจากมลทินคือกิเลส

-------------------------------------------

จะเห็นได้ว่า บารมี เป็นคุณธรรมที่ทำให้ถึงการดับกิเลสและพระนิพพาน จึงเป็นเรื่องยากยิ่งในการเจริญบารมี เพราะเป็นเรื่องของการทวนกระแสของกิเลส ที่สะสมมามากและเป็นเรื่องการเจริญอบรมคุณธรรมอย่างยาวนาน นั่นเองครับ

การจะเป็นบารมีได้นั้น จะต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่มีความเห็นถูก ที่เห็นโทษของกิเลส เห็นโทษของสังสารวัฏฏ์ จึงมีปัญญาความเห็นถูก ที่จะเจริญกุศลประการต่างๆ อันเป็นไปเพื่อละกิเลส และถึงการไม่เกิดอีก กุศลที่เจริญนั้น จึงจะเป็นบารมี ถ้าไม่มีปัญญา ความเห็นถูก กุศลที่เจริญ จะเป็นบารมีไม่ได้เลย เพราะไม่เป็นไปเพื่อถึงฝั่งคือการดับกิเลสครับ ดังนั้น ปัญญา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงถึงความเป็นบารมี ครับ

ดังนั้น ถ้าไม่มีบารมี คือ คุณธรรมประการต่างๆ ก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลส ละกิเลสได้ เพราะธรรมที่เป็นกิเลส จะละได้ ก็ด้วยความดี อันมีปัญญาเป็นสำคัญจึงจำเป็นที่จะต้องมีบารมี คุณธรรมประการต่างๆ ซึ่งบารมีแต่ละอย่างจะเจริญได้ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะเหตุว่า การฟังธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นเหตุนำมาซึ่งปัญญา เมื่อมีปัญญาแล้ว ปัญญาเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งหลาย ความหมายคือ เมื่อมีปัญญา กุศลประการต่างๆ ก็เจริญตามมากขึ้นด้วย เพราะอาศัยปัญญา ความเห็นถูก ย่อมคิดถูก ก็เป็นปัจจัยให้เจริญกุศล ในขั้นทาน ที่เป็นทานบารมี เจริญกุศลขั้นศีล ที่เป็นศีลบารมี เจริญกุศล ประการต่างๆ เนกขัมมะ วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ครับ ที่เป็นคุณธรรมที่จะทำให้ถึงการดับกิเลสได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
harji
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม แม้แต่บารมีประการต่างๆ ก็ไม่พ้นไปจากธรรม สามารถอบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวัน

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ต้องเป็นผู้มีความละเอียดรอบคอบ ไตร่ตรอง พิจารณาในเหตุในผลของธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เมื่อได้ยินคำอะไร ก็ควรที่จะได้เข้าใจให้ถูกต้อง บารมี คือคุณความดีทุกอย่างทุกประการ เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส เป็นธรรมที่จะทำให้ถึงซึ่งฝั่งคือการดับกิเลส เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ สภาพจิตที่ดีงามที่ประกอบด้วยโสภณเจตสิกประการต่างๆ นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ทาน (การสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น) , ศีล (การสำรวมกาย วาจา ให้เป็นปกติ ไม่กระทำทุจริตกรรม) , เนกขัมมะ (การออกจากกาม ออกจากอกุศล) , ปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) , วิริยะ (ความเพียรในทางที่เป็นกุศล) , ขันติ (ความอดทนต่อสภาพธรรมที่น่าปรารถนาและไม่น่าปรารถนา) , สัจจะ (ความจริงใจในการเจริญกุศล) , อธิษฐานะ (ความตั้งใจมั่น ความมั่นคงในการเจริญกุศล) , เมตตา (ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน หวังดีต่อผู้อื่น) , อุเบกขา (ความเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของอกุศล) ล้วนเป็นความดีที่ควรอบรมเจริญเป็นอย่างยิ่ง ประการที่สำคัญ บารมีทุกบารมีจะขาดปัญญาไม่ได้เลย บารมี สามารถอบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่มีตัวตนที่ไปทำหรือไปสร้าง แต่เป็นความน้อมไปในทางที่เป็นกุศลยิ่งขึ้น แม้แต่ในขณะที่ฟังพระธรรมด้วยความอดทนด้วยความตั้งใจ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ก็เป็นบารมี ที่เป็นไปเพื่อขัดเกลาอวิชชา (ความไม่รู้) , มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) รวมถึงกิเลสประการอื่นๆ ด้วยเพราะกิเลส เป็นธรรมที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง เป็นเหตุทำให้สัตว์โลกวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น วันหนึ่งๆ อกุศลจิตเกิดมาก ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ก็ตาม และในขณะที่อกุศลจิตเกิดนั้น มีกิเลสเกิดขึ้นร่วมด้วยเสมอ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในวันนี้วันเดียว ในวันก่อนๆ ในชาติก่อน ก็เป็นอย่างนี้ คือ มีอกุศลจิตเกิดมาก สะสมอกุศลมามาก

ดังนั้น สิ่งที่จะต้องขัดเกลาซึ่งเป็นอกุศลนี้จึงมีมากอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ขัดเกลาไปทีละเล็กทีละน้อยแล้ว จะถึงซึ่งฝั่งของการดับกิเลสได้อย่างไร และการที่จะดับได้นั้น ก็ต่อเมื่อปัญญาเจริญขึ้นรู้ความจริง เพราะเมื่อปัญญาเจริญขึ้นก็จะอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมประการอื่นๆ เจริญขึ้นตามระดับของปัญญา และปัญญาก็เป็นบารมีประการหนึ่งที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 29 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 6 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ