คุณสมบัติของผู้ฟัง

 
เมตตา
วันที่  9 ก.ย. 2557
หมายเลข  25492
อ่าน  1,659

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคทรงแสดง การละเว้นจากทุจริต เพราะเหตุว่า อกุศลกรรมทั้งหลายนำมาซึ่งผลอันไม่น่าพึงพอใจ ถ้าไม่มีอกุศลจิต อกุศลกรรมก็ไม่มี เพราะความไม่รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ อกุศลก็เกิด เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญเป็นผู้ควรแก่การฟังพระราชดำรัส ทุกคำ เข้าถึงความเป็นธรรมว่า ไม่ใช่เรา เพื่อชำระจิต เวลาที่เหลือน้อยควรสะสมความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่มีขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา สำคัญกว่า เพราะเป็นสิ่งที่ยากมากกว่าจะพรากจาก การคุ้นเคยในเรื่องราว คุ้นเคยความติดข้อง มาสู่การฟังพระราชดำรัส เพราะมีประโยชน์จริงๆ เป็นผู้ควรแก่การฟังพระราชดำรัส ขณะ เห็น เห็นเพียงสิ่งที่เพียงเห็นได้ ไม่มีอย่างอื่นเลย และ เห็น เท่านั้น ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ในสิ่งที่ปรากฏเลย... ใครกล่าวอย่างนี้? ฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เห็นแล้วคิด ขณะเห็นไม่ใช่ขณะคิด ขณะคิด ก็คิดถึงรูปร่างสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏ ก็คือบัญญัติของสิ่งที่ปรากฏ มีชื่อเพื่อให้รู้ว่าคืออะไร พูดถึงชื่อก็คือ คนนั้น คนนี้ ดอกไม้ แล้วขณะนี้เห็นอะไร? เห็นนิมิตของสิ่งที่เกิดดับ ฟังจนกว่าจะเข้าใจขึ้น จนเป็นปัญญาของตนเอง ผู้ฟังควรแก่การฟังไหม? ผู้ฟังควรมีคุณสมบัติอย่างไรจึงเป็นผู้ควรแก่การฟังพระราชดำรัส

คุณสมบัติของผู้ฟัง ก็คือ ตั้งใจฟัง ซึ่งเป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาคก่อนแสดงธรรม กล่าว ดูกร ภิกษุทั้งหลาย... ก็เพื่อให้ตั้งใจฟัง ตรัสเรียกเพื่อให้รู้สึกตัว ฟังสิ่งที่ควรแก่การฟัง ตั้งใจฟัง ไม่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง เป็นผู้เห็นประโยชน์จริงๆ ไม่ให้เสียง และ คำ คลาดเคลื่อนไปจากอรรถที่ลึกซึ้ง ทุกคำเป็นไปตามเนื้อความ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่คิดเองเพราะมีอยู่ในพระไตรปิฎก ได้ยิน ได้ยินเสียงนี้ พยัญชนะไม่คลาด เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริงว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริง เห็นเกิดขึ้นแล้วดับไปด้วย จะเป็นเราได้อย่างไร? เริ่มเข้าใจความจริง ไม่มีเรา ความรู้ขั้นนี้ค่อยๆ มั่นคงขึ้น ค่อยๆ สะสมความเห็นถูกเข้าใจถูก ชำระจิตจากความไม่รู้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 9 ก.ย. 2557

ฟังจนกว่าจะค่อยๆ ละความยึดมั่นในสภาพธรรมว่าเป็นเรา จนหมด พระราชดำรัสสอนให้รู้ความจริงขณะนี้ ซึ่งเป็นชีวิตตามความเป็นจริง เห็น ได้ยิน โกรธ เมตตา... ขณะนี้เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง มิเช่นนั้น จะไปรู้ขณะไหน ขณะที่ล่วงไปแล้วก็ล่วงไปแล้ว ขณะที่ยังมาไม่ถึงก็รู้ไม่ได้ พระราชดำรัสสอนให้เข้าใจความจริง ให้เข้าใจความไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล

ตั้งใจฟังให้เข้าใจความจริง พระราชคำรัสให้ละ ละความไม่รู้ เพราะความไม่รู้จึงติดข้อง และมีความเห็นผิดที่ยึดสภาพธรรมว่าเป็นเรา โลภะ เป็นเพื่อนรัก แต่อะไรเป็นเพื่อนแท้? ศรัทธาและปัญญาเป็นเพื่อนแท้ มีศรัทธาที่ตั้งใจฟังพระธรรม สะสมความเห็นถูกเข้าใจถูกเพื่อชำระจิตจากความไม่รู้

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 9 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 9 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 10 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 10 ก.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ