อินทริยปัจจัย-ไม่พ้นจาก-นามธรรม หรือ รูปธรรม

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  7 ก.ย. 2557
หมายเลข  25482
อ่าน  828

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ขอเชิญรับฟัง...

อินทริยปัจจัยไม่พ้นจากสภาพที่เป็นนามธรรม หรือ รูปธรรม

สำหรับการศึกษาเรื่องของปัจจัยทุกปัจจัย และธรรมทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ก็เพื่อที่จะให้รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติตามความเป็นจริง ซึ่งสามารถจะพิสูจน์ได้ ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นความจริงอย่างนั้นหรือไม่ แม้อินทรียปัจจัยก็ไม่พ้นจากชีวิตประจำวัน หรือสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในขณะนี้เอง อาหารปัจจัยก็โดยนัยเดียวกัน คือ เป็นสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ฉันใด อินทรียปัจจัยก็ต้องเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏซึ่งเป็นนามธรรมและรูปธรรมนั่นเอง

สภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏ ที่จะพ้นจากลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรม ไม่มี การที่จะรู้ว่า เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมถูกต้องไหมว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ก็ต่อเมื่อมีสภาพธรรมในขณะนี้ปรากฏ แล้วสติไม่ลืมที่จะระลึกเพื่อที่จะรู้ว่า สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เป็นลักษณะของนามธรรม หรือว่าเป็นลักษณะของรูปธรรม จึงไม่ใช่เรา และไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้นการพิสูจน์ธรรมนี้ สามารถที่จะกระทำได้ ศึกษาได้ทุกขณะ เพราะเหตุว่าไม่มีสักขณะหนึ่งขณะใดซึ่งสภาพธรรมจะหยุดเกิด เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะให้สภาพธรรมเกิดขึ้นปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

แต่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมทั้งปวง ได้ทรงแสดงลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่างว่า สภาพธรรมใดเป็นอินทรียะ คือ อินทรีย์ คือ เป็นใหญ่ เป็นปัจจัยแก่สภาพธรรมอื่น ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดงโดยละเอียด ท่านผู้ฟังก็คิดว่า มีเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นรูปแต่ละรูปที่ประชุมรวมกันเป็นกลุ่มก้อน

เพราะฉะนั้นตราบใดที่รูปยังประชุมรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็เห็นว่าเป็นเรา และกลุ่มก้อนนี้ ก็ยังเป็นปัจจัยให้เกิดนามธรรม เช่นการเห็น ไม่ได้อยู่นอกตัว ไม่ได้อยู่นอกกาย การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส การคิดนึก ก็อยู่ที่ตัวทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่างตามความเป็นจริง จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

เพราะฉะนั้นการที่จะละคลายการที่จะยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน ก็โดยการที่ศึกษาโดยละเอียดถึงลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งแตกย่อยออกได้โดยละเอียด เป็นนามธรรมแต่ละชนิด และเป็นรูปธรรมแต่ละชนิด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 9 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
danai2523
วันที่ 10 ก.ย. 2557

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 11 ก.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 11 ก.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ