อาการ ๓๒

 
ผู้มีกิเลส
วันที่  24 มิ.ย. 2557
หมายเลข  25020
อ่าน  5,424

การเจริญอาการ ๓๒ อย่างไรเป็นสมถะ อย่างไรเป็นวิปัสสนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ ถ้าพิจารณาโดยความเป็นปฏิกูล ไม่สะอาด โดยการน้อมนึกพิจารณา ด้วยความคิด ที่เป็นเรื่องราวของ อาการ 32 จิตสงบจากนิวรณ์ เป็นสมถภาวนา ถ้ารู้ชัด รู้ลักษณะธาตุ ที่เป็น ผมขน เล็บ ฟัน หนัง ฯ เป็นสติปัฏฐาน (วิปัสสนา)

ที่ว่า พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น พิจารณาโดยความเป็นของปฏิกูลในอาการ 32 พิจารณาว่าผม ขน เล็บ ปฏิกูล ไม่น่ายินดี ติดข้อง ขณะที่มีความเข้าใจถูก ในการคิดพิจารณาเช่นนี้ จิตสงบจากกิเลสชั่วขณะ เพราะคิดถูก แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรมไม่ได้ละความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ก็ยังเป็นผมของเรา ขนของเราอยู่ แต่พิจารณาถูกว่าเป็นสิ่งปฏิกูล มีสติและปัญญาพิจารณา สิ่งที่เนื่องกับกาย มี ผม ขน เล็บ เป็นต้นว่าปฏิกูล นี่คือกายคตาสติ โดยนัยสมถภาวนา ซึ่งไม่สามารถดับกิเลสได้ เพียงแต่ทำให้จิตสงบชั่วขณะที่พิจารณาครับ

อาการ 32 ที่เป็น วิปัสสนา คือ สติที่ระลึกเป็นไปในกายเช่นกัน แต่เป็นการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย ที่เป็นธาตุ 4 คือ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม คือ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหว ที่เนื่องกับกาย ขณะนั้นสติเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงที่เนื่องกับกายที่เป็นปรมัตถ์ ไม่ใช่การพิจารณาบัญญัติเรื่องราวที่เป็น ผม ขน เล็บ อาการ 32 เป็นต้น เมื่อสติเกิดรู้ว่าเป็นเพียงแข็ง เราก็ไม่มี กายก็ไม่มี มีแต่ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ก็สามารถไถ่ถอนความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคลได้ อันเป็นหนทางดับกิเลสได้ ที่เป็นการเจริญวิปัสสนา ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

กายคตาสติและกายานุปัสสนา

ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง...กายคตาสติ และ การเจริญสติปัฏฐาน...?

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้มีกิเลส
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอบคุณครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ขณะที่มีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมที่มีจริง อันเนื่องมาจาก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เพราะถ้าไม่มีสภาพธรรมที่มีจริง ก็จะไม่มีการเรียกว่าเป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นต้น ซึ่งไม่พ้นไปจากความเป็นไปของธรรมที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ธาตุรู้ไม่ใช่สภาพรู้ ในขณะที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมอย่างนี้ เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งถ้าหากไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ย่อมไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้สติปัฏฐานเกิดได้เลย แต่ถ้าเป็นการอบรมเจริญสมถภาวนา ที่รู้โดยความเป็นของไม่สะอาดของผม ขนเล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น จิตสงบจากอกุศลชั่วขณะ แต่ไม่ได้ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ยังเป็นผมของเรา ขนของเรา เป็นต้น และการอบรมเจริญสมถภาวนาไม่สามารถถึงการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้นแล้ว หนทางที่ควรดำเนินที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 24 มิ.ย. 2557

พิจารณาอาการ 32 ว่าปฏิกูล และไม่เที่ยง เช่น ผมหงอก ฟันหัก หนังเหี่ยว ต้องสงบจากกิเลส และ มีปัญญาประกอบด้วย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ก.ไก่
วันที่ 23 ก.ค. 2565

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ