การเชื่อกรรมและการให้ผลของกรรม

 
natural
วันที่  26 เม.ย. 2557
หมายเลข  24771
อ่าน  2,055

เนื่องจากไม่ทราบว่ากรรมใดที่ส่งผลให้เห็น ให้ได้ยิน หรือให้เกิดความเป็นในขณะนี้ ซึ่งเท่าที่ทราบเป็นหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรคิด (อจินไตย) จึงขอรบกวนเรียนถามว่าการเชื่อกรรมและการให้ผลของกรรมหมายความว่าอย่างไร และจะเข้าใจเรื่องนี้ได้จริงๆ ต่อเมื่อฟังและพิจารณาธรรมแล้วความเชื่อจะเกิดขึ้นตามเหตุที่สมควรแก่ผลใช่หรือไม่ คะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรื่องของกรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง ตามระดับของความสามารถของปัญญา เพราะฉะนั้น การจะรู้เรื่องของกรรมอย่างละเอียดจริงๆ นั้น เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า แต่ พระสาวก หรือ ผู้ที่ฟังพระธรรม ก็สามารถรู้ได้ตามกำลังปัญญา เพราะ หากพิจารณาความจริงแล้ว การเข้าใจกรรม ที่เป็นการเชื่อกรรม และ ผลของกรรม ผู้ฟัง และ ผู้ที่อบรมปัญญา เพื่อที่จะละกิเลส ก็ต้องมีปัญญาขั้นนี้ และ แตกต่างกันหลายระดับ เพราะ การเชื่อกรรมและผลของกรรมนั้น ก็มีความละเอียดลึกซึ้ง แตกต่างกันไปตามระดับด้วย ครับ ซึ่ง เรียกว่า กัมมัสสกตาญาณ

กัมมัสสกตาญาณคือ ปัญญาที่รู้ในเรื่องกรรม และผลของกรรม ซึ่งมีหลายระดับ ทั้งเพียงขั้นคิดเป็นเรื่องราว และขั้นประจักษ์ตัวกรรมและผลของกรรม และ ขั้นวิปัสสนาญาณ จนถึงระดับที่สามารถรู้กรรมในอดีต กรรมในปัจจุบัน ทั้งผลของกรรมในอดีต ผลของกรรมในปัจจุบัน ว่าเกิดจากกรรมอะไร อันเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า ครับ ดังนั้น การเชื่อกรรมและผลของกรรม ที่รู้ว่า เหตุมี ผลย่อมมี ในขั้นการฟัง ขั้นเข้าใจเรื่องราวก็มีได้ ก็เป็นปัญญาเช่นกัน ก็ควรสะสมไป อย่างตัวอย่างที่ว่าการจะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีก็มีเหตุปัจจัย ซึ่ง การได้รับสิ่งที่ดี ก็เพราะ กุศลกรรมให้ผล และ ขณะที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ก็เพราะ อกุศลกรรมให้ผล ดังนั้น กรรมดี ย่อมทำให้เกิดผลที่ดีเท่านั้น กรรมดีจะให้ผลไม่ดีไม่ได้เลย โดยนัยเดียวกัน กรรมชั่วย่อมให้ผลชั่วเท่านั้น ให้ผลที่ดีไม่ได้เลย สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่168

ยาทิส วปเต พีช ตาทิส ลภเต ผล

กลฺยาณการี กลฺยาณ ปาปการี ปาปก

คนหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น คน

ทำเหตุดี ย่อมได้ผลดี ส่วนคนทำเหตุชั่ว

ย่อมได้ผลชั่ว.

การเข้าใจเช่นนี้ ก็เป็นการเชื่อกรรมและผลของกรรมในขั้นเรื่องราว ซึ่งก็เป็นความเห็นถูกประการหนึ่ง แต่ หากพิจารณาให้ละเอียด ที่เป็นการเชื่อกรรมและผลของกรรมที่ลึกลงไปอีก ก็ต้องเข้าใจถูกว่า กรรม คืออะไร คือ เจตนาเจตสิก ที่เกิดกับกุศลกรรม อกุศลกรรม การเข้าใจลักษณะของกรรมที่กำลังเกิด ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เข้าใจตัวลักษณะ ก็เป็นการเชื่อกรรมด้วยปัญญาที่รู้ลักษณะ และผลของกรรมก็มีอยู่คือ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ปัญญาที่รู้ลักษณะของวิบากที่เกิดขึ้นก็ทำให้มั่นคงว่า ผลของกรรมมี เพราะประจักษ์ลักษณะของผลของกรรมจริง ครับ นี่คือ รายละเอียดของการเชื่อกรรมและผลของกรรม ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
natural
วันที่ 26 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 26 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็จะสามารถเข้าใจถูกเห็นถูกได้ว่า กรรม คือ อะไร และ ผลของกรรม คือ อะไร?

ความเป็นจริงของสภาพธรรม เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น สำหรับในเรื่องของกรรม และผลของกรรม ก็เป็นธรรม กรรมเป็นเหตุ ซึ่งมีทั้งเหตุที่ดี และเหตุที่ไม่ดี เมื่อเหตุต่างกัน ผลก็ต้องต่างกัน จะเหมือนกันไม่ได้ เหตุดีย่อมให้ผลที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นเหตุไม่ดี ผลก็ย่อมเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ โดยไม่มีใครทำให้เลย ผลของกรรมมีทั้งนามธรรม (วิบากจิต และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) และรูปธรรม (รูปที่เกิดจากกรรม เช่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นต้น) โดยไม่มีใครจัดสรร แต่ความจริงเป็นอย่างนั้น เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในชีวิตประจำวัน ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง แม้ในเรื่องกรรมและผลของกรรมก็เช่นเดียวกัน ไม่พ้นไปจากธรรมเลย ไม่พ้นจากชีวิตประจำวันด้วย ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ย่อมจะเป็นผู้มีความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลแต่ละคน หรือแม้กระทั่งเกิดกับตัวเองไม่ว่าดีหรือร้าย น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนาก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะกรรมที่เคยได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครทำให้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ถ้าไม่มีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ผลที่จะเกิดย่อมมีไม่ได้ แต่เพราะมีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อได้โอกาสที่กรรมจะให้ผล ผลจึงเกิดขึ้น ดังนั้น จะมีความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม อย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงก็ต้องอาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาสะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อมีความเข้าใจถูกในเรื่องกรรมและผลของกรรม จะเกื้อกูลให้เว้นจากอกุศลกรรม แล้วเพิ่มพูนหรือกระทำกุศลกรรมซึ่งเป็นคุณความดีประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ครับ .

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 เม.ย. 2557

เชื่อกรรมและผลของกรรม ต้องมีปัญญา ปัญญาจะมีได้โดยการฟังพระธรรม ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natural
วันที่ 27 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 28 เม.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wiphat
วันที่ 29 เม.ย. 2557

ถ้าเราชอบทานของมันๆ ตั้งแต่เด็กๆ อนาคตเราจะอ้วนเมื่ออายุ 10 20 30 50 อย่างแน่นอนจะเกิดช่วงอายุเท่าไหร่ขึ้นอยู่ที่เราทานมากน้อยแค่ไหน เหมือนผลของกรรมที่เราสะสม ผลย่อมเกิดจากเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jran
วันที่ 30 เม.ย. 2557

พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ใน จูฬกัมมวิภังคสูตร

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้แตกต่างกันออกไป

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Witt
วันที่ 16 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ