นี่หรือคะตัวเรา ลองสัมผัสดูมีแต่แข็ง

 
papon
วันที่  7 เม.ย. 2557
หมายเลข  24688
อ่าน  1,204

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"นี่หรือคะตัวเรา ลองสัมผัสดูมีแต่แข็ง" พจนาของท่านอาจารย์ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแปลเพื่อความกระจ่างมากขึ้นด้วยครับ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

นี่หรือคะตัวเรา ลองสัมผัสดูมีแต่แข็ง

แข็ง เป็นรูปธรรม เป็นธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่รู้อารมณ์ แต่มีจริงเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไป แข็ง เป็นรูปธรรมที่ปรากฏทางกาย

.ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ไม่รู้ความจริง ย่อมยึดถือกายทั้งแท่งว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล แต่หากพิจารณาเป็นแต่ละขณะ ลองจับที่กาย สิ่งที่สำคัญว่าเป็นเราทั้งแท่ง สิ่งที่ปรากฏก็เพียงแข็งเท่านั้น อะไรรู้แข็ง จิตที่รู้ ไม่ใช่เรารู้ เพราะฉะนั้น แข็งเท่านั้นที่ปรากฏ ในขณะรู้แข็ง ไม่มีสิ่งอื่น ไม่มีเรา ไม่มีใครอยู่ในนั้น มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป

ขอเชิญอ่านคำบรรยาย ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ เรื่องแข็ง กับ ความไม่มีตัวตน

ศุกล ในพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อคนที่ฟังจบ เขาก็ย้อนถามว่า ที่ยืนนี้เป็นอะไร

สุ. ที่ยืนอยู่ มีไหม

ศุกล มีครับ

สุ. มีนะคะ เป็นอะไร

ศุกล ก็เป็นคน

สุ. เป็นคนใช่ไหมคะ ตรงไหนเป็นคน

ศุกล ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า รวมกันแล้วจึงเป็นคน

สุ. รวมแล้วจึงเป็นคนใช่ไหมคะ แต่ถ้าไม่รวมแล้วเป็นอะไร

ศุกล ยังไม่ทราบว่า จะแยกตรงไหนครับ

สุ. แต่หมายความว่า มี มีแน่ๆ เลย มีแล้วเราก็ว่าเป็นคนด้วย ลองกระทบลองจับดูที่ว่าเป็นคนซิคะว่า ที่ว่าเป็นคน จับเรื่อยมาจากศีรษะจนถึงเท้า ลองจับดูซิคะ มีอะไร

ศุกล ก็จับแขน

สุ. ที่นั่นหรือคะ แขน จับจริงๆ กระทบอะไร

ศุกล กระทบเนื้อครับ

สุ. เรียกว่าเนื้อ ใช่ไหมคะ เอาจริงๆ ไปกว่านั้นอีก กระทบอะไร ถ้าไม่เรียกว่า เนื้อ ลักษณะอะไร สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ยังไม่ต้องศึกษา

ศุกล มีลักษณะที่ไม่แข็ง แต่ว่าอ่อนนุ่ม

สุ. มีจริงๆ ใช่ไหมคะ ลักษณะที่แข็งหรืออ่อนนุ่ม ไม่เรียกอะไรเลยได้ไหม

ศุกล ไม่เรียกก็ไม่รู้ครับ

สุ. ไม่เรียกเลย มีจริงๆ ไม่เรียกได้ไหมคะ สิ่งที่มี ไม่จำเป็นต้องเรียก บางทีรถยนต์คันหนึ่ง ส่วนปลีกย่อยในรถยนต์ อะไหล่แต่ละชิ้น เราก็เรียกไม่ถูก ทั้งๆ ที่มี เรารู้ว่ามี แต่เราเรียกไม่ถูก เพราะฉะนั้นสิ่งที่มี ไม่ต้องเรียกชื่อได้ไหม

ศุกล ได้ครับ

สุ. อันนี้เป็นประการแรกนะคะ สิ่งที่มีต้องมี แม้ว่าไม่เรียกชื่อเลย นี่ประการหนึ่ง หรือสิ่งที่มี เคยเรียกชื่อนี้ เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นได้ไหม ได้ อย่างแขน คุณศุกลเรียกว่า แขน ภาษาไทย ภาษาอื่นเขาไม่เรียกแขน เขาเรียกภาษาอื่นได้ไหมคะ ได้ แต่แขนหรือสิ่งที่คุณศุกลเคยยึดว่าเป็นแขน ลักษณะจริงๆ เพียงแข็ง แข็งมี ถูกไหมคะ กระทบสัมผัสแข็ง มี มีก็ต้องบอกว่ามี ใช่ไหมคะ ลองกระทบสัมผัส แข็งมีไหมคะ

ศุกล มีครับ

สุ. สิ่งที่มีนั้นคือแข็ง เป็นรูปชนิดหนึ่ง เป็นความจริง เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่มี มีจริงๆ จะบอกว่าไม่มีไม่ได้ สิ่งที่มีนั้นจะเรียกว่าอะไรก็ได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเรียกอย่างนี้ก็ได้ เรียกอย่างอื่นก็ได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริงๆ เราจะต้องเข้าใจเพิ่มขึ้นให้ถูกต้องว่า ลักษณะที่มีจริงๆ นั้น ไม่ใช่ตัวตน แข็งก็คือแข็ง ไม่ใช่ตัวตน

ศุกล จะตอบเขาว่าอย่างไรดี

สุ. ก็มีแข็งไงคะ แล้วสิ่งที่มีเป็นอะไร ก็ตอบว่ามีแข็ง มีเสียง มีกลิ่น มีรส มีทุกอย่างแต่ว่าเกิดขึ้นปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ใช่ตัวตน ความหมายว่า “ไม่ใช่ตัวตน” ที่นี่คือ ไม่ยั่งยืน และไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับบัญชาได้ ไม่ใช่สิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นมี แล้วไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่าง

ศุกล อันนี้ก็คงจะจบ

สุ. แต่ยังสงสัยว่า คนฟังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะว่าต้องอาศัยกาลเวลาที่จะต้องเข้าใจ พิจารณาบ่อยๆ จนกระทั่งเป็นความจริง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป สิ่งที่เคยยึดถือว่าเป็นตัวตน นั้น ก็คือ สิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน ก็เพราะไม่รู้ความจริง จึงหลงยึดถือสภาพธรรมเหล่านั้นว่า เป็นตัวตน เป็นเรา หรือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่กล่าวว่าเป็นตัวเรา ก็เนื่องมาจากมีธรรมที่มีจริงๆ ไม่พ้นไปจากนามธรรมและรูปธรรม เป็นจริงแต่ละหนึ่งๆ จริงๆ สัมผัสก็มีแต่แข็ง แข็งเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย

การฟังพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้ในที่สุดเพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของธรรม ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 7 เม.ย. 2557

แข็ง ไม่ใช่เรา แต่ ยึดถือว่าแข็งว่าเป็นเราเพราะความไม่รู้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 7 เม.ย. 2557

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"สิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน" หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 8 เม.ย. 2557

เวลาอ่านพอจะเข้าใจ เวลามีปัญหา ลืมว่าเป็นธรรมทุกที ขอบคุณทุกๆ ท่านครับ แสดงว่าสะสมกิเลสว่าหนาแน่นจริงๆ ใช่ไหมครับ จึงต้องค่อยๆ ฟังต่อไปจนตลอดชีวิตใช่ไหมครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 8 เม.ย. 2557

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

สิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน

หมายถึง สภาพธรรมแต่ละอย่าง ต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตน แต่ละอย่าง ไม่ปะปนกันเลย เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่มีลักษณะเฉพาะ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 8 เม.ย. 2557

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ

กิเลสสะสมมามาก ทำให้เข้าใจนิดนึง และก็ลืม แต่ค่อยๆ สะสมปัญญาต่อไปอย่างยาวนาน นับชาติไมถ้วน ในอนาคตกาล ย่อมมีปัญญามาก และ ดับกิเลสได้ในที่สุด ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 8 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ขอนอบน้อม
วันที่ 9 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ แชร์นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
napachant
วันที่ 18 เม.ย. 2557

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Artwii
วันที่ 25 ต.ค. 2561

ขอบคุณครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ