เทวทูต ๔

 
fouron
วันที่  5 มี.ค. 2557
หมายเลข  24554
อ่าน  134,661

เทวทูต ๔

ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ ในเนื้อหาของเทวทูต ๔ นั้นจะประกอบด้วย

๑. ความแก่

๒. ความเจ็บ

๓. ความตาย

๔. สมณะ

ซึ่งกระผมอ่านจากอินเทอร์เน็ต ในบางตำราจะมี การเกิด แต่ไม่มี สมณะ ดังนั้นแล้วตามพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่าอย่างไร ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีหลากหลายนัย ตามแต่ละที่ ว่าจะทรงแสดงมุ่งหมายอย่างไร แม้แต่คำว่า เทวทูต ก็มีหลากหลายนัย ก่อนอื่นก็เข้าใจคำว่าเทวทูตก่อนครับว่า คือ อะไร

เทวทูต หมายถึง เป็นทูตเหมือนเทวดา เวลาเทวดาพูด คำพูดของเทวดาเป็นจริง ควรเชื่อ แม้ฉันใด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ก็เป็นเครื่องเตือนเหมือนกันว่า เรามีความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นธรรมดา เหมือนกับคำพยากรณ์ของเทวดา ที่จะต้องเป็นจริงอย่างนั้น

ซึ่ง เทวทูต มีแสดงไว้หลากหลายนัย อย่างเช่น เทวทูต เมื่อคราวพระโพธิสัตว์ออกบวช เห็นเทวทูตทั้ง 4 คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ สมณะ ที่ มีสมณะ เพื่อเป็นเครื่องที่ให้สังเวช ที่จะประพฤติธรรม ดับกิเลส เทวดาเนรมิตตนเองเป็นทูตของเทวดา เพราะเทวดามาเนรมิตให้เห็น สมณะ เพื่อพระโพธิสัตว์ยินดีในการบวช เพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ ก็เป็นเทวทูต 4 ที่มี สมณะ ด้วยจุดประสงค์ตามที่กล่าวมา

แต่ในบางแห่ง ก็แสดง เทวทูต มี 5 แต่ ไม่มี สมณะ คือ เด็กที่เกิดใหม่ คนแก่ คนเจ็บ คนที่ถูกลงโทษจองจำ และคนตาย ไม่มี สมณะ นักบวช ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงถึง ทำบาปนิดหน่อยเท่านั้นที่จะได้พบยมทูตหรือพญายมครับ เพื่อจะได้วินิจฉัย และพญายมจะถามเขาว่าตอนยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นเทวทูตทั้ง 5 คือ เด็กที่เกิดใหม่ คนแก่ คนเจ็บ คนที่ถูกลงโทษจองจำ และคนตาย หรือไม่ เมื่อเขาตอบว่าเห็น พญายมจะถามเตือนสติต่อไปว่า ตัวท่านนั้นก็มีสติดี เป็นผู้ใหญ่แล้วเคยคิดบ้างไหม ว่าตนเองก็ต้องมีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ การถูกลงโทษเมื่อทำความชั่ว และมีความตายเป็นธรรมดา ควรที่จะทำความดีทาง กาย วาจา และใจ เมื่อเขาตอบว่าไม่ได้คิดเพราะมัวประมาทอยู่ พญายมจึงกล่าวกับเขาว่า

"ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้ทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจไว้ เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น เหล่านายนิรยบาลจักลงโทษโดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมนี้นั่นแล ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน ไม่ใช่มิตรอำมาตย์ทำให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์ทำให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน ตัวท่านเองทำเข้าไว้ ท่านเท่านั้นจักเสวยวิบากของบาปกรรมนี้"

จากพระไตรปิฎก เรื่องนี้ ที่แสดง เทวทูต ที่ไม่มี สมณะ เพื่อมุ่งหมาย ให้เห็นถึงความจริงของชีวิต ที่ไม่ควรประมาทในการทำอกุศล ที่จะทำให้ตกนรก ตกอบาย และให้ทำความดี เพราะเด็กเกิดใหม่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ยากที่จะทำความดีได้ ไม่ควรประมาท นี่ก็เป็นการแสดง โดยไม่มี สมณะ ที่เป็นเทวทูตก็ได้ ซึ่งแล้วแต่ว่า จะแสดงโดยนัย สูตรอะไร ครับ เพียงแต่ให้เข้าใจว่า เมื่อกล่าวถึง เทวทูต เป็นการแสดง เป็นเครื่องเตือนถึงความจริง ที่จะไม่ประมาทในการทำอกุศล และไม่ประมาทในการทำความดี อบรมปัญญาต่อไป ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมทุกส่วนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อเข้าใจ เมื่อได้ฟังแล้ว สาระประโยชน์อยู่ตรงไหน นี้คือ สิ่งที่ควรจะได้พิจารณา สำหรับเทวทูต ๔ ทรงแสดงว่า เป็นทูตของวิสุทธิเทพ (ผู้หมดจดจากกิเลสคือพระอรหันต์) พระโพธิสัตว์ ทรงเห็น คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อเกิดมาแล้ว ไม่พ้นจากความทุกข์เหล่านี้ แล้วมีทางไหมที่จะทำให้พ้นไปจาก ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันเนื่องมาจากการเกิด แล้วทรงเห็น สมณะ ซึ่งเป็นเทวทูตที่ ๔ พระองค์ทรงเห็นว่า เป็นเพศที่ปลอดโปร่ง จะทำให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนเหล่านั้น พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ได้สะสมอบรมมา ทำให้มีพระทัยน้อมไปในการออกผนวชเพื่อแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ คือ การตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริง เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ทรงผนวช เมื่อพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา และผ่านมา ๖ ปี เมื่อมีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา พระองค์ได้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนนัยของเทวทูต ๕ ก็เป็นเครื่องเตือนอย่างดียิ่ง ในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างในเรื่องของการเกิด เกิดมาเป็นมนุษย์ ดีไหม ย่อมดีกว่าการเกิดในอบายภูมิ ในชาตินี้พ้นแล้วจากการเกิดในอบายภูมิ ควรที่จะได้สาระประโยชน์จากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยการสะสมความดีทุกประการและฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะชีวิตเมื่อเกิดมาแล้ว ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ก่อนที่วันนั้นจะมาถึงซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อใด เพราะฉะนั้นแล้ว ความไม่ประมาท จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะอาศัยความไม่ประมาท กุศลธรรมประการต่างๆ ก็ย่อมจะเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน แม้ความเข้าใจพระธรรม ก็ต้องอาศัยความไม่ประมาท คือ ไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย ไม่ประมาทในชีวิต มีโอกาสที่จะไดัฟังได้ศึกษาเมื่อใด ก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านพ้นไป

เพราะฉะนั้นแล้ว พระธรรม เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ และเกื้อกูลต่อการที่กุศลธรรมจะเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 5 มี.ค. 2557

เทวทูต หมายถึง เครื่องเตือนให้ทำความดี ไม่ประมาท ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
่jurairat91
วันที่ 24 พ.ย. 2562

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ