สเหตุกวิบาก

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนจะถึง สเหตุกวิบากจิต ขออธิบาย สเหตุกะ ก่อนครับ สเหตุกะ หมายถึงธรรมที่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ได้แก่ สเหตุกจิต ๗๑ และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ซึ่งสเหตุกจิต คือ จิตที่ประกอบด้วยเหตุเกิดร่วมด้วย เหตุในที่นี้ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นเหตุ ที่เป็นเจตสิก 6 ดวง คือ โลภเจตสิก โทสเจตสิก โมหเจตสิก อโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และอโมหเจตสิก จิตใดที่มีเหตุ ประการใด ประการหนึ่ง ในเหตุ 6 ประการที่กล่าวมา ชื่อว่า สเหตุกจิต

ส่วน สเหตุกวิบากจิต คือ วิบากจิตที่มีเหตุประกอบ หมายถึง วิบากจิต ๒๑ ดวง ที่มีเหตุเจตสิกเกิดร่วมด้วย ได้แก่

-มหาวิบากจิต ๘ ดวง มีเหตุเกิดร่วมด้วยอย่างน้อย 2 เหตุ ญาณวิปปยุตต์ ๔ ดวง มีเหตุ ๒ คือ อโลภะ อโทสะเหตุ, ญาณสัมปยุตต์ ๔ ดวง มีเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ

-รูปวจรวิบากจิต ๕ ดวง มีเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ

-อรูปาวจรวิบากจิต ๔ ดวง มีเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ

-โลกุตรวิบากจิต ๔ ดวง มีเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ

ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่เป็นภวังคจิต ของ ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ ไม่บ้าใบ้ พิการตั้งแต่กำเนิด ขณะนั้นเป็นวิบากจิต ที่ประกอบด้วย อโลภเจตสิก อโมหเจตสิก อย่างน้อย 2 เหตุ จึงเป็น สเหตุกวิบากจิต ครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

สเหตุกกุศลวิบาก

ขออนุโมทนา

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สเหตุวิบากจิตเป็นธรรมที่มีจริงเป็นนามธรรมที่เป็นชาติวิบาก ที่ประกอบด้วยเหตุ เป็นผลของกรรม

สำหรับวิบากที่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ตามความเป็นจริงของผู้ที่เกิดมาไม่พิการบ้าใบ้บอดหนวกตั้งแต่กำเนิด คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต รวมถึงจุติจิตในชาตินี้ด้วยเพราะต้องเป็นมหาวิบากดวงหนึ่งดวงใดที่ทำกิจทั้ง ๓ กิจนี้ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ก็สามารถเข้าใจได้ในส่วนที่พอจะเข้าใจได้ ตามกำลังของตนเอง ค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษา ความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

สเหตุกจิต คือ จิตที่มีเหตุเกิดร่วมด้วย สเหตุกวิบาก คือ วิบากจิตที่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ค่ะ

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

การ​หลับสนิท​ก็​เป็น สเหตุ​ก​วิบาก ถ้าอย่างนั้นคนที่นอนไม่หลับก็คงต้องรับวิบากอย่างนี้ไปตลอดภพชาติหรือครับ ขอความอนุเคราะห์ให้ความกระจ่างด้วยครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

เรียนความคิดเห็นที่๔ ครับ

ขณะที่นอนไม่หลับ มีคิด เป็นอกุศล เป็นกุศลตามการสะสมของแต่ละคน ต้องไม่ลืมว่าขณะที่เป็นวิบากในชีวิตประจำวันที่พอจะเข้าใจได้คือ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น แต่ละหนึ่งไม่ปะปนกันครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณpapon และทุกๆ ท่านครับ...

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ